เสียเวลากับการแหกปากกูร้อง เพื่อไปนิพาน ท่อนสอง

เสียเวลากับการแหกปากกูร้อง เพื่อไปนิพาน ท่อนสอง

992
0
แบ่งปัน

อธิษฐานนี่ มันเป็นตัวสัจจะที่จะทำให้ได้ มันเป็นผลที่ได้ปรากฏตามสัจจะ

ไม่ใช่คำขออย่างที่เราๆขอๆกัน แล้วจะเข้าใจว่าการขอนี่ เป็นเรื่องอธิษฐาน

อธิฐานบารมี กับการขอที่เรียกกันว่า อธิษฐานนี่ มันคนละเรื่องกัน

ขออธิษฐานจิตให้ลูกถูกหวย ขอให้ร่ำรวย ขอให้ผัวอย่าเตะ อย่ามีเมียน้อย

นี่เป็นการขอ และขออย่างงมงาย ถ้าอยากถูกหวยดั่งคำอธิษฐาน ก็ต้องหาตังค์มาซื้อหวย

ซื้อแม่งทุกงวด จนกว่ามันจะถูก ถูกเมื่อไหร่ นั่นคือ อธิษฐานบารมีมันมาให้ผล

เป็นกำลังใจของการมีสัจจะ ขันติ วิริยะ ปัญญา เนกขัมมะ ศีล และทาน ให้แก่เจ้ามือหวย

มันต้องใช้กำลังใจสูง อดทนรอสูง มีความเพียรสูง นี่เพราะอยากออกจากทุกข์ ที่โดนเจ้ามือแดกมาแทบทุกงวด

ลงทุนไปหลายหมื่น โดนเลขท้ายสองตัวซัก 20 โหววว..มันดีใจยิ่งกว่าความสุขใดในชีวิตมากองรวมกัน

อธิษฐานบารมีนี่ หมายถึง ผลสำเร็จ อาศัยสัจจะบารมีเป็นเครื่องก่อ

สัจจะบารมีเกิดได้ ต้องอาศัยความข่มใจ นั่นก็คือ ขันติ

ขันติเกิดได้ ต้องอาศัยอาศัยความเพียร

ความเพียรเกิดได้ ต้องอาศัยปัญญา

ปัญญาเกิดได้ ต้องอาศัย ใจที่จะออกจากกาม

ใจที่จะออกจากกามได้ ต้องอาศัย ศีล

ศีลบังเกิดได้ ต้องอาศัยทาน

ทานบังเกิดได้ ต้องอาศัยใจที่เป็น กุศล

ใจที่เป็นกุศลบังเกิดได้ ต้องอาศัยได้ฟังธรรมจาก สัตบุรุษ

เมื่อฟังธรรมจากสัตบุรุษ ย่อมเกิดศรัทธา

เมื่อมีศรัทธาย่อมมีการพิจารณา

เมื่อมีการพิจารณาย่อมเกิดสติ

เมื่อมีสติย่อมเกิดการสำรวม

เมื่อสำรวม ย่อมเป็นผู้ที่มี กาย วาจา ใจ อ่อนน้อมต่อความเป็นสัจธรรม

ผู้เดินตามทางแห่งสัจธรรมย่อมเป็นผู้ให้ เรียกว่าทาน เป็นเครื่องอยู่

เมื่อมีทาน ก็ย่อมเกิด ศีล

เมื่อมีศีล ก็ย่อม เกิดเนกขัมมะ

เมื่อมีเนกขัมมะ ก็ย่อม เกิดปัญญา

เมื่อมีปัญญา ก็ย่อม เกิดวิริยะ

เมื่อมีวิริยะ ก็ย่อม เกิดขันติ

เมื่อมีขันติ ก็ย่อม เกิดสัจจะ

เมื่อมีสัจจะ ก็ย่อม เกิดอธิษฐาน

เมื่อมีอธิษฐาน ก็ย่อม เกิดเมตตา

เมื่อมีเมตตา ก็ย่อม เกิดอุเบกขา

เมื่อมีอุเบกขา ก็ย่อม เกิดทานที่สูงรอบยิ่งๆขึ้นไปตามปัญญาและกำลังใจ ที่เรียกกันว่า บารมี..

ผู้เต็มบารมีทั้ง 3 ทัศน์ ตั้งสัจจะบารมีเมื่อไหร่ อธิษฐานบารมีย่อมมาให้ผล เท่าที่กำลังแห่งเสบียงบุญของเจ้าของ ที่ได้เคยกระทำบำเพ็ญและสร้างสมมา

แต่ถ้าขอตั้งสัจจะเกินไปกว่าที่กำลังแห่งตนเคยสร้าง อย่างขอเข้าสู่พระนิพพาน

เช่นนี้ ถ้ากำลังเสบียงไม่พอ ก็ต้องรอไปเกิดเพื่อสร้างบารมีอีกหลายชาติเช่นกัน

ฉะนั้น การแหกปากกู่ร้องขอนิพพาน เป็นเรื่องโง่หลาย

ยิ่งร้องขอก็ยิ่งต้องไปเกิด ไปเกิดเพื่อให้สัจจะที่ได้อ้างกุศลเพื่อเข้าพระนิพพาน มันเต็มบารมี ซึ่งเมื่อเกิดมาแล้ว จะเต็มเมื่อไหร่ ชาติไหนก็ไม่รู้

ที่สำคัญ เรามันร้องกู่แหกปากเข้านิพพาน แต่ไอ้ชาติที่จะเข้านิพพาน มันเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่เราแน่ แล้วเราจะไปภูมิใจในหวังลมๆแล้งๆ ที่ไขว่คว้าไม่ได้ทำไม

เชื่อข้า..ไม่ต้องร้องแหกปากขอ เราร้องแหกปากขอมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ปากแหกหมดแล้ว

ทานเราก็มีแล้ว เริ่มสร้างสติ ละอายชั่วกลัวบาป ให้เกิดขึ้นแก่ใจให้ได้ เริ่มตรงนี้

และหมั่นคิดเนืองๆว่า

โลกนี้มันไม่แน่นอน

โลกนี้มันไม่ได้ดั่งใจ

โลกมันเป็นธรรมดาของมันเช่นนี้

ใช้สติปัญญา ยอมรับมัน

เกิดอีก พรากอีก แก่อีก เจ็บอีก ตายอีก โลกนี้ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน กายแตกเมื่อไหร่ กูจอเลิกกัน พอกันแค่นี้

ว่ากันตามนี้ ปัญญาเกิดเมื่อไหร่ ชาตินี้ยังพอมีหวัง นิพพาน