จับปลายจีวร เพื่อเข้าสู่นิพพาน

จับปลายจีวร เพื่อเข้าสู่นิพพาน

1217
0
แบ่งปัน

ขอขยายธรรมออกมาอีกหน่อยในเรื่อง..บารมี

บารมีนี้ เป็นเรื่องของกำลังใจ ในการที่ได้สละออก

บารมีต้นนี่ เป็นเรื่องของวัตถุทาน

ศีลยังไม่เต็มดีนัก แต่เป็นผู้พอจะมีศีลแล้ว

ยังเป็นศีลที่เอาตัวยังไม่รอด เป็นศีลที่ทำขึ้นมาด้วยอัตตาแห่งตัวตน

ตามโลกเขาว่า และตนเองว่า ไม่ได้เป็นศีลแห่งใจที่ว่ากันไปตามธรรม

คำว่า..ศีล.. เราจะมาแปลความหมายตามอักษรไทย ที่ว่าเป็นข้อๆ นั้นไม่ได้

ธรรมแห่งพระพุทธศาสนานั้นกว้าง ไม่แคบตีบตันด้วยมูลแห่งความคิดที่ว่าๆ ตามๆ กันอย่างที่เข้าใจ

คำว่าธรรมนั้น เป็นความธรรมดาที่หาข้อแย้งอะไรไม่ได้ ตามรู้ได้และเห็นชัดเจน

ธรรมตามตำรา เป็นสมมุติบัญญัติ ที่ต้องใช้ให้ตรงกาล

หากนำกาลมาเทียบเคียง จะเห็นชัดว่า ธรรมมันแย้งกันไปแย้งกันมาด้วยตัวมันเอง

ในพระสูตร เกิดจากภูมิคนแปล ยังไม่ได้วินิจฉัยลึกลงไปตามสัจธรรม มันเป็นแนวทางชี้ไปที่โฉมหน้าแห่งสัจธรรม ไม่ใช่ตัวสัจธรรม อย่างที่บางพวกยึดกันนักหนา

เมื่อวินิจฉัยลงไป ก็จะเห็นชัดถึงความหมายธรรมที่เพี้ยนๆ และไม่ตรง

ไม่ใช่ว่าธรรมจะไม่ตรง เป็นเพียงแต่ภาษาไทยเรา มันเป็นคำโดด

มักแปลความกันตรงๆ และยึดภาษาที่แปลกันตรงตัว ว่าต้องร้อยเรียงอย่างนี้อย่างนั้น ตามที่ตำราแปลความหมายมา

อย่าง อาชีโว เราไปแปลว่า อาชีพชอบ เอา อาชีโวมาเป็นเรื่องของอาชีพค้าขาย

คำว่า อาชีโวนี่ ในอริยมรรคมีองค์แปด ท่านหมายถึง

การดำเนินหล่อเลี้ยงจิต ด้วยกุศล

คือใจที่มีสติ มีปัญญาพิจารณา ตรงตามความเป็นจริง ที่ได้รับธรรมแห่งความจริงจากสัตบุรุษ จนมั่นใจเชื่อถือได้ เกิดศรัทธาญาน

ความสำรวมใจมันจึงจะเกิด

ความสำรวมใจที่เกิด มันเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้เกิดศีล

นี่..ผู้มีศีล เป็นใจที่ประกอบไปด้วย กุศลจิต

การดำเนินตามแนวทางแห่งกุศลจิต เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีพ

นี่เรียกว่า เป็นผู้ดำเนินเจริญรอยมาตามหนทางแห่งมรรค

เป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา ในที่นี้หมายถึง ไม่ตกลงไปในกระแสแห่ง อบายภูมิ

นี่..เครื่องเลี้ยงชีพเช่นนี้ ท่านเรียกว่า สัมมาอาชีโว

ไม่ใช่เรื่องอาชีพค้าขาย ที่เป็นเรื่องของทางโลกเขา

เพราะคนค้าอาวุธ คนขายเนื้อ คนขายสุรา หรือจะค้าขายอะไร

หากเป็นคนดี ทุกคนก็ย่อมเข้าสู่ความเป็นอริยชนได้ทุกคน ไม่เกี่ยวกับอาชีพที่ตนประกอบเลี้ยงชีพ

นี่..เป็นความหมายของภูมิคนไทยแปล ที่แปลกันมาแต่โบราณแล้ว แต่แปลไม่ตรงสัจธรรม

เกิดการโต้แย้งแห่งธรรมได้

แต่คำแปลเหล่านี้ ก็เป็นเปลือกอย่างหนึ่ง ที่รักษาเนื้อเยื่ออันเป็นมูลสัจธรรม

ให้ผู้มีปัญญาได้สอดส่องลงไปหาเนื้อเยื่อ

เพียงแต่จะมีใครปอกเปลือกอันแสนหนากระเทาะเนื้อเยื่อออกมา

ให้ลูกหลานได้ชิมลิ้มลอง รสแห่งธรรมอันหวานซึ้ง มาเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจ นี่..สำคัญมันอยู่ตรงนี้..

ตอนที่ข้านำน้องๆ ขอขมากรรม เพื่อกราบลาพุทธภูมิ

ทุกคนเกือบทั้งหมด เข้าใจว่า การจับปลายจีวรข้า และจับโยงต่อๆ กัน

ข้าจะสามารถนำทุกคนเข้าสู่ พระนิพพาน

นี่…เป็นความคิดที่แสนโง่หลาย ใช้การจับปลายจีวรข้า เพื่อลัดเข้าสู่พระนิพพาน

“นิพพานน่ะ มันเป็นเรื่องของการอบรมใจของเจ้าของเอง ของใครของมัน

ไม่ใช่จะเอาวัตถุอะไร มาเป็นตัวดึงเข้าไปสู่ประตูนิพพาน”

ข้าน่ะบอกกล่าวต่อพระพุทธรูป ต่อพรหมเทวา ต่อหน้าฟ้าดิน

ว่าจะขอนำกุลบุตรเหล่านี้ ที่มากระทำการในครั้งนี้ เข้าสู่พระนิพพานให้หมดทุกๆ คน

นี่..ไม่ใช่ว่าข้าจะเอาเข้าสู่พระนิพพานด้วยอำนาจข้าน่ะโว๊ย

คือว่า ข้ายินดีที่จะถ่ายทอด ชี้หนทางเดิน ที่ใจดวงนี้ไปดำเนินเข้าสู่ทางแห่งพระนิพพาน

แต่ชี้แล้วเสือกไม่เดิน มัวแต่นั่งรอโคตรพ่อโคตรแม่มาอุ้ม เพราะได้แหกปากขอเอาไว้

โง่เช่นนี้ อย่าไปหวังเดินบนลู่แข่งขันกับเขาเลย เหงาแดกเปล่าๆ

เอาตัวให้รอด อย่าให้ตกไปเป็นสัตว์ หลังจากกายแตกก็พอ

ข้าน่ะ ชี้ทางเดินให้ได้ หากเดินไปตามทางที่ชี้ เราจะเป็นผู้มองเห็นโฉมหน้า สัจธรรมเอง ไม่ใช่ตัวข้าเป็นสัจธรรม แค่มาจับปลายจีวรแล้วเข้านิพพาน

ผู้ที่จะเห็นโฉมหน้าแห่งสัจธรรม ต้องเป็นผู้ที่ใช้กำลังก้าวเดิน ด้วยลำพังของกำลังแห่งใจตนเอง

ก้าวเดินบนทางสายมรรค ย่อมถึงที่สุดแห่งปลายทางเห็นโฉมสัจธรรม

แต่หากไม่เดิน มั่วแต่แวะชมดอกไม้ข้างทาง

พวกข้าไปรอมึงอยู่ปลายทางก่อน ก็แล้วกัน ตามมาอย่าหลงไปซะก่อนละ.

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง ******** บารมี 30 ทัศน์ ************ ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง