อึดอัดใจกับคำสอน

อึดอัดใจกับคำสอน

1312
0
แบ่งปัน

นู๋ขอถามอะไรหน่อยนะเจ้าคะ.….

นู๋ เข้าไปอ่านเว็บมา หาข่าวสาร มาถามหลวงพี่ ถ้า มีคนตีความในคำสอนผิดแบบผิดๆนี่ จะทำงัย คะ

พอจ.: ถ้ารู้ว่าผิดแสดงว่าเราถูก แล้วรู้ได้ไงว่าเราถูก ถึงได้คิดว่าของเขาผิด ก็ฟังๆดูๆกันไป เราเสือกเองที่ไปเจ้อะกับมันเข้า ถูกก็ไม่เป็นไร ผิดก็ไม่เป็นไร ยังไงมันก็เป็นแค่อากาศ หาสาระให้ขายหนมไม่ได้อยู่แล้ว

ผิดถูกมันสมมุติ หากเอามาเป็นอารมณ์ ใจเราก็ทุกข์แล้ว ฟิตมาทางถูกมันก็ถูก ฟิตมาทางผิด มันก็ผิด อยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่อยู่ที่ใคร ทุกๆคนมีสิทธิ์ ออกเสียงได้

ขึ้นชื่อว่าธรรม มันขึ้นอยู่กับเจ้าตัวตีความ เปรตอยู่ในหมู่ปราชญ์ ก็เรียกว่าปราชญ์ เพียงแต่อย่า สะเออะออกเสียง ออกเสียงเมื่อไหร่ มันจะชี้ไปที่ใจ ให้เปรตแยกออกมาจากหมู่ปราชญ์

แต่เมื่อบวชเข้ามาแล้ว มันต้องข่มใจ รักษาพระธรรมวินัย เพื่อใจจะได้รอดพ้นจากกิเลสโดยการเป็นผู้เฝ้าดู อาการอยาก ว่าใครเป็นผู้อยาก

ค่อยๆงด ความเคยชินที่คิดว่า เราเป็น เราอยาก วินัยเขามีไว้ให้ใจมันงด และพิจารณาเฝ้าดู สิ่งที่ใจมันขาด เพื่อฝึกใจของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับใคร

แต่คนเรามักเอาใจที่คิดว่าฝึกแล้วดีแล้ว เอาพระธรรมวินัย ไล่บี้แทงคน บวชมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ทาง คนก็ด่า ใครๆเขาก็รู้ ว่ามันทะแม่งๆ ถัาใจยังไม่ทวนกระแส อย่าแส่หำเข้ามาบวช การบวชคือการดำริออกจากกาม ไม่ใช่บวชมาเพื่อสะสมกาม มันเปลืองข้าวสุก. ชาวบ้านเขา.

เริ่มทำใจยอมรับ อะไรต่ออะไรให้ได้ก่อน
อย่าเพิ่งไปแย้ง อย่าเพิ่งไปค้าน ถ้าแย้งถ้าค้าน ให้เก็บไว้ในใจ แล้วถามหาผู้รู้อธิบาย
หรือค่อยๆถาม สาวผลที่เราแย้งเราค้าน ไปหาเหตุ ที่เราคิดว่าไม่ใช่ ถ้าผลรับได้ ก็โอเค

แต่ถ้ารับไม่ได้ ก็ต้องสาวผลลึกลงไปอีก ดูซิ เขาจะว่ายังไง ถ้ายังรับไม่ได้อีก ถอยออกมา แสดงว่าไม่เขาก็เรา มีฟากหนึ่ง ผิดและถูก หรืออาจผิดทั้งคู่ หรือถูกทั้งคู่

เพราะธรรมดา ผู้ที่มีวิสัยธรรม จะสามารถตอบ และขยายคำถามตอบ ให้เราเข้าใจง่ายอยู่แล้ว แค่ถามตอบไม่กี่ประโยค

แต่ถ้าดื้อด้านทั้งคู่ อีนี้ ต้องฟัดกันเหนื่อยหน่อย นู๋ฝึกทำใจยอมรับก่อน การยอมรับ เป็นทางสายกลาง ที่บาลีเขาเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทามรรค คือการดำเนินแห่งทางสายกลาง

ทางสายกลางของแต่ละคนไม่เท่ากัน จะเอาสมมุติเป็นข้อๆมาบังคับไม่ได้ ทางสายกลางที่พระพุทธองค์ชี้แนะคือ ทำใจยอมรับ อย่าเพิ่งโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง

เพราะแต่ละอย่างที่มากระทบ ย่อมอาศัยเหตุและปัจจัย อย่าได้เอาตัวตนเข้าไปตัดสิน ตัดสินเมื่อไหร่ จะกลายเป็น กามสุฯ และอัตตฯ อันเป็นธรรมของชาวบ้าน เป็นธรรมของผู้มีกิเลสหนา

ไอ้เรามันชาวบ้านและกิเลสหนาอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึก ที่ฝึก คือฝึกหัดยอมรับ นั่นละคือ การเดินบนทางสายกลาง แต่ไม่ใช่ยอมรับตะบันราด ชนิดเขาเอาเมียไปเย็ด ก็ยอมรับ อย่างงี้ โง่หลายไปตายซะ มันต้องมีเหตุมีปัจจัยประกอบ ไปตามสภาวะของการมีสติ ตรองดูด้วย

เมื่อทำใจยอมรับได้ ก็ค่อยๆหันมายอมรับว่า ชีวิตนี้เต็มไปด้วยทุกข์ หาทุกข์ให้เจอ จะหาเจอ ต้องมีใจยอมรับก่อนว่า โลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ ถ้ายอมรับทุกข์ สุขก็จะโผล่ แล้วจะรู้ว่า แหม… !! ทุกข์ทั้งหลายที่มีที่เป็น มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง กูนี้ “โคตรเสือกชิบหาย” ใจจะวางทุกข์ เป็นสุขขึ้นมาทันที ทุกข์มันหนักแบกหามไปใย ทำไมไม่ปล่อยทุกข์ไป โดยการทำใจ “ยอมรับ”

ธรรมในเว๊บ เป็นธรรมที่ก๊อปปี้กันมาให้ดูให้อ่าน ไม่ใด้เกิดจากใจเจ้าของ มันแก้จิตไม่ได้ มันขาดกาลของสภาวะใจของผู้รับ เขาก็ชี้อวดกันไปอย่างนั้น

ตัวเขาเองยังเต็มไปด้วยกามและอารมณ์ นู๋.อย่าไปตัดสินใจคน ด้วยวาทะที่แสดงออกมาจากในเว๊บ มันเป็นธรรมที่ซ่อนเร้นกันอยู่ มันมีแต่ความรู้ ไม่ใช่ความจริง มันจะโม้อะไรยังไงออกมาก็ได้ หากนำเอามาเป็นเครื่องยึด ว่าต้องเป็นไปตามที่เขาว่า มันก็บ้ากันก็เท่านั้น

ยึดหนังสือ ยึดตำราโดยไม่มีปัญญาไตร่ตรอง มันก็งมงาย เหมือนกินมังคุดทั้งเปลือก คนโง่ ย่อมเอาเนื้อเยื่อออกมากินไม่เป็น วันหนึ่งเจอคนฉลาดกินแต่เนื้อมังคุด คนกินทั้งเปลือก มันก็จะหัวเราะเอา ว่าไอ้บ้านี่ มันโง่แท้….

นู๋.: แล้วเขาอ้างพุทธวัจนะละคะ