ข้าจะเล่าเรื่องกรรมฐานแตกให้ฟัง
เวลากรรมฐานแตกนี่ มันถึงกับบ้าไปเลยเชียวเป็นเล่นไป
ในสมัยนู่น นานมาพอสมควร มีเณรที่ปฏิบัติเคร่งอยู่รูปหนึ่ง
เขาเป็นศิษย์อาจารย์อะไรจำไม่ได้ เขามารออาจารย์เขาที่วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยา
ในสมัยนั้น ที่วัดประดู่ น่ากลัว ต้นไม้ใหญ่ครื้ม รกและไม่มีใครกล้าเข้าไป คนมันกลัวผี
ที่นี่ เณรแกมาพักอยู่ตรงป่าช้าหลังวัด ตรงนั้น มันเป็นต้นไทรใหญ่ เป็นที่ทิ้งศพทารก ที่เขาทำแท้ง ศพเด็กเป็นร้อย เขาเอาไปฝังที่นั่น
บรรยากาศตอนนั้นน่ากลัว ไม่มีใครมาอยู่และมาพักตรงป่าช้านั่น
แต่พวกพระที่เล่นไสยเวทย์ ก็แอบไปฝึกจิตอยู่ที่นั่นเหมือนกัน
เพราะที่นั่นขึ้นชื่อเกี่ยวกับพวกมนต์ดำ การทำของขลังอะไรต่างๆ
เรื่องนี้นี่ เกือบ สามสิบปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน
เณรเป็นเด็กที่เคร่งครัดการปฏิบัติมาก เณรอายุราวๆ 17-18 กำลังไฟแรง ตั้งใจมั่นคง ลุยหน้าฝึกฝนปฏิบัติอย่างเดียว
เดินจงกรมจนทางนี่ ลึกเป็นร่องและเนียนเป็นมันเลย นี่..คนเอาจริง
วันหนึ่ง หลังจากเดิน จงกรมจากตอนเย็นไปยันห้าทุ่ม เณรก็ขึ้นกุฏิพัก
การพักของเณร คือมานั่งสมาธิต่อในกุฎิ
จิตที่หนาแน่และอยู่คนเดียวจนชิน ทำให้เณรไม่กลัวอะไร คนอื่นอาจดูน่ากลัว แต่เณรไม่กลัวอะไร
เมื่อนั่งไปซักครู่ เณรก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นกุฏิ
เสียงลั่นของพื้นไม้ แบบคนเดินหนักๆ เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเณร
ทำให้เณรสงสัยมาก ว่าใครขึ้นมาบนกุฏิใด้ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว
แถมที่นี่เป็นป่าช้า ขึ้นชื่อว่าผีโคตรดุ ห้าโมงเย็นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรือเดินผ่านแล้ว
แล้วนี่เป็นใคร ต้องเป็นคนแน่ๆ ไม่ได้เป็นอาการปิติทางโสตแน่
เพราะกายวิญญานมันก็รับรู้การสะเทือนของพื่นไม้
ความสงสัยทำให้มีคำถามอยู่ภายใน ว่าใครๆ
สมาธิที่เคยหนาแน่ เริ่มโยกคลอนด้วยความสงสัย
กลิ่นหอมๆแบบกลิ่นแป้งร่ำอ่อนๆ โชยมาแตะจมูก
เสียงที่หยุดอยู่ด้านหลัง ก็เดินอ้อมมายืนอยู่ข้างๆ
และเสียงสะบัดสไบผ้า พร้อมเสียงคนนั่ง ก็หยุดนิ่งเงียบอยู่ตรงข้างๆเณร
ความสงสัยของเณรเพิ่มทวีคูณ ใจเริ่มแบ่งเป็นสองทาง
จะนั่งข่มสมาธิ ไม่รู้ไม่ชี้ หรือลืมตาขึ้นมาดูว่าใครมันมานั่งอยู่ข้างๆดี
กลิ่นหอมโชยอ่อนมาแตะจมูกอีก มันช่างรึงเร้าใจให้อยากรู้
นี่เป็นกลิ่นของผู้หญิง ผู้หญิงที่ไหนจะมาหาเณรในป่าช้า ยามเที่ยงคืน
ใครๆ? เณรเริ่มสมาธิแตกซ่าน หรือว่าสิ่งนี้คือ…ผี..!!!
พอสะกดคำว่า ผี ออกมา ใจเณรก็เริ่มสั่น ขนหัวลุกตั้งชัน ขนลุกขนพอง
ผีมันมานั่งอยู่ข้างๆ ต้องเป็นผีแน่ๆ นี่คือผี และผีที่คิดว่าไม่มี กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
นี่ถ้าเป็นข้า ผีก็ผีเหอะ กูร้องจ๊ากกก วิ่งกันน้ำบาน…!!!
เณรไม่เคยเจอผี ก็ไม่นึกว่าผีมันจะมี ใจมันจึงไม่กลัว อาจารย์ก็บอกว่าผีไม่มี
คนตายไปแล้วจะมีอะไรมาหลอกมาหลอน ถ้ามีผี ก็ต้องมีขี้ผีด้วยซิ
ผีคงไม่ทำส้วมไว้ขี้หรอกนะ นี่อาจารย์เณรเขาว่า
แต่ตอนนี้ นั่งหลับตา มันมองอะไรไม่เห็น และไอ้ตัวสังสัยว่ามีหรือไม่มี มันกำลังนั่งข้างๆ
ความสงสัยว่า ใครขึ้นกุฏิมานั่งอยู่ข้างๆ แถมกลิ่นแป้งร่ำก็โชยระเหยไปทั่ว นี่มันใครและคืออะไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งขนหัวลุกตั้ง ความไหวหวั่นตามประสาความเป็นเด็กก็เริ่มหนาแน่น
จึงตัดสินใจลืมตา ค่อยๆหันไปทางขวาที่ตนสงสัย
ในความสลัวนั้น เป็นผู้หญิงสวยผมยาว เฉียงสไบ
นั่งก้มหน้า พับเพียบเรียบร้อยข้างๆเณร
เณรยิ่งเพ่งก็ยิ่งชัด เธอนั่งเอามือวางบนตักและก้มหน้า
ในความสลัวนั้น ความชัดแห่งเรือนร่างและรูปทรง มันเป็นประกายขึ้น
แม่นางค่อยๆหันเงยหน้ามาหาเณร เณรเพ่งดูด้วยใจระทึก
เมื่อหน้านั้นหันเงยขึ้นมามองเต็มหน้า เธอเป็นผู้หญิงหน้าใข่สวย
แต่ตาเธอโบ๋ว ลูกกระตาเธอไม่มี มันเป็นเบ้าลึกหายไปในโพลงตา
เณรตาเหลือกหายใจเข้าดังเฮือก.ก.ก
นั้นเป็นภาพสุดท้ายที่จำได้ ผ่านมาสิบปี จึงมาเจอข้า
เณรบอกว่า เณรบ้าไปเกือบสิบปี เพราะอีผีตัวนั้น
ตอนที่คุยกันเขาไม่ใช่เณรแล้ว เขาเป็นหนุ่มใหญ่บ้าวิชา ที่กรรมฐานแตก
ใส่ชุดขาว และพูดจาท่าทางเป็นผู้เคร่ง
แม่เขาย้งต้องคอยดูแล สามวันดี สี่วันบ้า ว่างั้นเหอะ
พอฟังแล้วข้าชักสยอง พอดีช่วงนั้น ข้าก็กำลังเจอภาวะเหล่านี้เหมือนกัน
เมื่อเจอเณรที่ปฏิบัติแล้วเป็นเช่นนี้ ใจข้าก็เริ่มถอด
กำลังชั่งใจอยู่ ว่าจะทำกรรมฐานต่อไปอีกไหม
เพราะข้ากำลังโดนพลังงานบางอย่าง มันมาทดสอบจิต
ถามว่าทดสอบไหม มันกะมาเอาข้าให้ตายเลยทีเดียว
ข้อหา สั่งตัดหัวพวกมัน มากกว่าสี่ร้อยคน ที่ลานหน้าวัง อยุธยา
เดี๋ยวนี้ เขาเรียกว่า ตลาดหัวรอ
ตรงนั้น เป็นลานที่ข้าเคยสั่งประหารพวกแย่งบ้านเมืองกัน
ตัวหัวโจก มันเครียดแค้นข้า มันตะโกนก้องว่า
” ขอจองเวรข้า ทุกภพทุกชาติ นับจากนี้ไป กูจะตามจองล้างจองผลาญพวกมึง ”
ปากมันเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย จึงใหหคนเอาปลายดาบสับไปยังปากมัน
ก่อนที่จะตัดหัวประจาน เรียงรายตลอดสายแม่น้ำป่าสัก
นี่..ไอ้เจ้าผีนี่ มันเล่นงานข้า และข้าก็ชักปอดแหกกับมัน
เรียกว่า เริ่มกลัวผีขี้ขึ้นสมอง พอมาฟ้งเรื่องราวของเณรเข้าให้อีก
ใจข้าก็ถอดกองอยู่แถวนั้น
เรียกว่า จะไม่เอาไม่ทำแล้ว กรรมฐาน ยิ่งมาเห็นเณร กรรมฐานแตกเข้าให้อีก เป็นสิบปียังไม่หายขาด
ใจมันก็ฝ่อ นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว สำหรับคนเอาจริง
พวกเอาไม่จริง มันก็ไม่พบเจออะไร
มันก็โม้ออกความเห็นพล่ามไปเรื่อย พวกกรรมฐานแต่ในบ้าน
พวกกรรมฐานแต่ยังเอากันบนเตียง แล้วโม้นั่นโม้นี่
เดี๋ยวค่อยมาเล่าไหม่ วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน สวัสดี