เส้นทางแห่งใจเป็นศีลที่เรียกว่า พระโสดาบัน เรามาฟังกัน
สมัยโบราณ ทุกศาสนาต่างก็มีข้อระเบียบวินัยในการประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อให้อยู่ในกรอบแห่งความดี
เช่น จะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่โกหก ไม่เป็นชู้ลูกเมียใคร ไม่นอนบนเครื่องลาดเครื่องปรุงสบาย ไม่ละเล่น ไม่ใช้เครื่องหอมปรุงแต่ง และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย
บ้างก็กินอาหารมื้อเดียวบ้าง สองวันมื้อบ้าง สามวันมื้อบ้าง ตามความแข็งแรงแห่งกำลังใจ
นี่..สิ่งเหล่านี้มันเป็นคอกกั้นเป็นวินัยกั้นใจไม่ให้ออกนอกคอก ของทุกศาสนาอยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่า ศีลห้าข้อนี่ มันจะเป็นของชาวพุทธอย่างที่เราเข้าใจ
ศีลห้าข้อนี่ไม่ได้ทำให้ใจมันเป็นพระโสดาบันขึ้นมาได้
แต่พระโสดาบัน อาศัยศีลห้าข้อนี้เป็นเครื่องอยู่ได้
ข้อศีลเหล่านี้ มันเป็น “สมมุติศีล” มันไม่ใช่ “วิมุติศีล”
มันเป็นศีลสมมุติของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ของคนทั้งโลกอยู่แล้ว
ศีลเหล่านี้ มันเป็นศีลที่สมมุติขึ้นมาด้วยตัวตน ที่ทำขึ้นมา บัญญัติขึ้นมา เพื่อเป็นที่ตั้งให้ใจเจ้าของ เป็นคนดี
แต่ความหมายแห่งพุทธ ไม่ใช่การมีศีลอย่างนี้
ศีลของชาวพุทธิ มันเป็นศีลอย่างมีเหตุมีผล
ไม่ใช่ศีลอย่างงมงาย ที่ไม่ทำแล้วต้องลงนรกอย่างจอมลัทธิมันขู่กัน
ในสมัยโบราณ พระพุทธองค์ได้ยกเหตุยกผล ที่เผชิญกันในปัจจุบัน ว่าเหตุมาจากอะไร
คนพิการ คนเป็นโรค คนอายุสั้น เหตุเพราะเบียดเบียนสัตว์ด้วยกัน
คนไร้ทรัพย์ รักษาทรัพยไม่ได้ ยากจน ค่อนแค้น เหตุเพราะ ไม่รู้จักทำทาน
คนที่เป็นเช่นนั้นนี่นู่น เพราะเหตุทำมาอย่างงี้ๆๆๆ
เมื่อชาวบ้านนี้เหตุรู้ผล ก็จะได้ไม่ก่อเหตุในปัจจุบันอีก เพราะวิบากผลมันรออยู่
ข้อศีลทั้งหลายที่ชาวบ้านยึดมั่นกันเป็นข้อๆ นั้น มันเป็นอัตตาและตัวตนทำกันขึ้นมา
พระพุทธองค์จึงทรงยกตัวอย่างของข้อศีลเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นว่า
++ ถ้าเขามาทำร้ายเรา มาขโมยของของเรา มาโกหกเรา มาเป็นชู้กับคนของเรา
เราชอบใจใหม..??
— ชาวบ้านตอบว่า ไม่ชอบใจพะยะคะ
++ แล้วหากเราทำอย่างนี้กับเขา เขาจะชอบใจใหม..??
— ชาวบ้านบอกว่า เขาก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน พะยะคะ
++ เราไม่ชอบใจเมื่อเขามาทำกับเรา แต่เราชอบทำเขา อย่างนี้เป็นคนดีหรือเลว..??
— ชาวบ้านตอบว่าเป็นคนเลวพะยะคะ
++ คนเลวตายแล้วไปไหน..??
— ชาวบ้านตอบว่า ไปนรกพะยะคะ
พระพุทธองค์ก็ทรงสาธุคุณ และทรงตรัสชี้ต่อว่า
++ เมื่อเขามาทำร้ายทำลายเรา เราไม่ชอบ เราก็พึงมีสติระลึกพิจารณาด้วยใจเรา ว่าเขาก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
เราก็ไม่ควรจะไปทำลายน้ำใจเขา
บุคคลเช่นนี้เป็นคนดีหรือคนเลว
— ชาวบ้านตอบว่า เป็นคนดี พะยะคะ
++ คนดี กายแตกตายแล้วไปไหน
— ชาวบ้านตอบว่า ไปสวรรค์ไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าพะยะคะ
พระพุทธองค์ก็ทรงสาธุคุณ
นี่..เป็นการชี้ศีลอย่างแนวทางพุทธ เป็นการชี้แนวทางให้คน มีหิริโอตัปปะ
รู้เหตุรู้ผลใจเขาใจเรา ไม่ใช่ข้อศีลเป็นข้อๆ
จะมีศีลกี่ล้านข้อ ใจมันก็บริสุทธิ์ทุกข้อ ถ้าใจมันละอายชั่วกลัวบาปเป็นปกติใจของมัน
นี่..นางวิสาขา ชาวบ้าน พระราชา ใครต่อใครที่เล่าขานมา
เมื่อได้ฟังธรรมอันเป็นการชี้ตรงเช่นนี้ ต่างบรรลุโสดาบันด้วยกันหมดทั้งสิ้น
เพราะมันมีหลักใจให้ยึด บุคคลที่ตั้งมั่นในคุณธรรมเช่นนี้เป็นปกติ
กายแตกเมื่อไหร่ ย่อมมีทางไปคือ สุคติแต่เพียงฝ่ายเดียว
เป็นผู้ปิดอบายภูมิ นี่บุคคลเช่นนี้ เราเรียกว่า พระโสดาบัน
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง “” เส้นทางพระโสดาบัน ท่อน 5 ” ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง