เซน..แบบกระเซ็นกระสาย

เซน..แบบกระเซ็นกระสาย

579
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณโมทนายามเย็นให้มีแต่ความสุขความเจริญ

เพิ่งว่างเข้ามา มีน้องๆ มาฟังธรรมสดๆ ต่างก็เย็นซาบซ่ากับคำคมๆ

นี่..ถ้าพูดถึง ฮวงโป ซึ่งเป็นทายาทแห่งเซน เรามาเกริ่นกันซักหน่อย

เมื่อเว่ยหล่าง สังฆปริณายกองค์ที่ ๖ แห่งนิกายเซน

ได้รับการถ่ายทอดธรรมโดยตรง ชนิดที่เรียกว่า จากจิตถึงจิต จากพระสังฆปริณายกองค์ที่ ๕ แล้ว

ตอนถ่ายทอดนี่ เป็นการถ่ายทอดแบบแอบถ่าย เพราะเพิ่งเป็นแค่เด็กรับใช้ในครัว ท่านอาจารย์ หงเหย่น กลัวจะเป็นภัยต่อ ท่าน เว่ยหล่าง จึงให้หนีไปก่อนกลางดึกนั้น

ท่านเว่ยหล่างไปซ่อนตัวในป่าอยู่หลายปี ศิษย์ของท่านหงเหย่นก็แตกออกเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายแรกเชื่อว่า ท่านเว่ยหล่าง ขโมยบาตร ไตรจีวรไป เพื่อไปก่อความเป็นใหญ่ แม้ภายหลังท่านอาจารย์หงเหย่นจะอธิบายว่า ท่านเว่ยหล่าง เป็นผู้บรรลุธรรมแล้วสมควรเป็นผู้สืบทอดก็ตาม

แต่ฝ่ายไม่พอใจก็ไม่ยอมฟัง ฝ่ายนี้แยกมาสนับสนุนศิษย์พี่ใหญ่ ชินเชาให้เป็นผู้สืบทอด

อีกฝ่ายเห็นว่าพระอาจารย์หงเหย่น มองการณ์ไกลและเชื่อมั่นในตัวครูบาอาจารย์ว่าถูก

จึงออกติดตามค้นหาท่านเว่ยหล่าง เพื่อกลับเข้ามารักษาสืบทอดตำแหน่ง พระสังฆปริณายกองค์ที่ ๖

หนังกำลังภายในบู้ล้างผลาญก็ได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาผูกเรื่องให้พวกเราได้เฮ ในการดูยอดจอมยุทธปะทะฝีมือกัน

ภายหลัง นิกายเซนก็แตกออกเป็น ๒ สาย สายเหนือนำโดย ชินเชา อันเป็นศิษย์พี่ ที่ท่านเว่ยหล่างหักเอาด้วยความไม่รู้ คู่แข่งของเว่ยหล่างที่ต้องอกหักอดรับบาตรที่คาดหวัง

ฝ่ายนี้สอนวิธีปฏิบัติการตรัสรู้อย่างเชื่องช้าคือ ค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็เจริญรุ่งเรืองอยู่พักหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นศิษย์เก่าแกก้นกุฏิของท่านอาจารย์หงเหย่น

โดยราชูปถัมภ์ของพระจักรพรรดิ ที่น้อมนับถือ ท่านพระอาจารย์ หงเหย่น อยู่แต่ก่อน

แต่ ตั้งอยู่ไม่นานก็เงียบหายไป นี่เป็นเซนทางสายเหนือ

ส่วนสายใต้ คือสายของเว่ยหล่าง สอนวิธีการปฏิบัติที่เป็นการตรัสรู้ฉับพลัน
(จนได้นามว่า Sudden School)

ได้เจริญรุ่งเรืองและขยายตัวออก มาจนแตกเป็นนิกายย่อยๆ ลงไป

ศิษย์คนที่สำคัญองค์หนึ่งของเว่ยหล่างมีนามว่า มา ตสุ (ตาย อาย) ถึงแก่มรณภาพเมื่อ ค.ศ.๗๘๘

ท่านนี้มีวิถีและแนวคิดที่ท่านเว่ยหล่างชื่นชอบ และเป็นผู้นำกองกำลังทางความคิดที่แตกฉาน ทำให้เกิดการแพร่ขยายออกไปสู่เขตต่างๆได้กว้างขวาง

สำหรับฮวงโปนี้ ถือกันว่าเป็นศิษย์ช่วงที่หนึ่งหรือช่วงที่สอง

ต่อจากท่าน มา ตสุ ตรงนี้ยังไม่ปรากฏชัด ท่านฮวงโปมีความชำนาญเชี่ยวชาญในการคิดแบบฉับพลัน ยังผลนั้นให้ปรากฏและจบอยู่ในตัวมันเอง

และกล่าวกันว่าถึงแก่มรณภาพในปี ค.ศ.๘๕๐

ท่านได้ถ่ายทอดคำสอนนิกายเซนนี้ให้แก่ อาย สื่น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายหลินฉิ หรือที่เรียกอย่างญี่ปุ่นว่า รินซาย

อันเป็นนิกายที่ยังคงมีอยู่ในประเทศจีน และแพร่หลายที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

โดยเหตุนี้ ฮวงโป จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อกำเนิดพุทธศาสนานิกายรินซายนี้

พอดีไปได้บันทึกลับ ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน

เป็นอักษรสลักติดไว้ข้างฝาส้วมแถวๆเกาะบุญญพลัง

ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกันรึเปล่า เขาสลักว่าอย่างนี้

วิถีแห่งเซนโดยศิษย์พี่ ชินเชาได้โศลกไว้ว่า

” กาย คือต้นโพธิ ใจคือกระจกเงาใส

จงหมั่นเช็ดถูเป็นนิตย์ อย่าปล่อยให้ฝุ่นละอองจับ ”

ศิษย์น้อง เว่ยหล่าง แต่งโศลกแก้ว่า

” เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกใส

เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้วแต่ต้น

ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร ”

ศิษย์นอกคอกไม่มีหัวเท้าปลายนอน แต่งเสริมเข้าให้ไปอีก

” ถ้าว่างเปล่า แล้วไฉนจะมีฝุ่นละออง

ฝุ่นละอองมีได้ ด้วยอาศัย กระจกใส

กระจกใส ช่วยสะท้อนให้มองเห็น

ว่าในความว่างเปล่าทั้งหลาย

มันก็ยังมีแม้แต่ฝุ่นละออง

นี่..เหี้ยกวน ศิษย์นอกคอกนำแสดง

>> : โห..กราบนมัสการครับ…แต่ละรอบธรรม..แต่ละกาล…และภูมิของผู้แต่ง
แต่บทหลังนี้ไม่เคยได้ยินครับ…แต่เจ็บจีดเลยครับ

<< พระอาจารย์ : ท่านเหี้ยกวนนี่ เกิดทีหลัง เป็นรุ่นแหลนของหลานพี่ของโหลนปู่ของลูกอาของหลานที่เป็นแหลนอีกทีน่ะ สุเทพ

อยู่ใน ระหว่าง ค.ศ 1963 – 2015 และยังไม่ตายห่าซักที

เป็นนักบวชเซนที่ไม่มีหัวเท้าปลายนอน แต่งแก้โศลกไว้ที่ผนังส้วมน่ะ เรื่องจริงๆๆๆ

ในภาพประกอบนี่ เป็นควอทซ์ใสกิ๊ก ระดับพรีเมี่ยมเกรด

หายากและราคาแพง ขนาดหน้าตัก 4 นิ้ว

เป็นองค์ปฏิมาแห่งงานแกะที่ทรงคุณค่าอีกชิ้น ที่เราชาวบุญญพลัง

ขอถวายมอบไว้ให้แก่แผ่นดิน

เรา..มีพระปฏิมาแห่งอัญมณีเป็นร้อยๆ องค์ ล้วนสูงค่า

เพื่อแทนค่าเป็นการตอบแทนคุณชดใช้ต่อแผ่นดิน

เรา…ภูมิใจที่ได้ชดใช้

เรา..จะมุ่งไปสู่พระนิพพานด้วยกระแสแห่งทานของการ ได้ชดใช้ต่อแผ่นดิน

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง “ปรมาจารย์ เว่ยหล่าง” ณ วันที่ 17 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง