คนจะดี ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหงิ๋มๆ

คนจะดี ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหงิ๋มๆ

1312
0
แบ่งปัน

ข้อความจากคอมเม้นท์ : ใครพูดไม่ถูกหูอาจารย์ ทั้งลูกศิษย์และอาจารย์ คว้าไม้หน้าสามวิ่งไล่ตีเลย ขาดเมตตา ไม่รู้ภาวนากันท่าไหน

ปฏิฆะปุ๊บเผาบ้านตัวเองโชว์แขกที่มาเยี่ยมซะเลย เปลี่ยนอาจารย์ก็ดีครับ ด้วยความหวังดี แรกๆ ก็ไม่อยากจะยุ่ง ยังพอเห็นข้อดีว่ายังชวนกันปฏิบัติบ้าง

แต่หลังๆ ชักเละเทะ ล่าสุด พากันสักยันต์กันทั้งสำนักอีก เห็นแล้วจะบ้า ใช้หลักกาลมาสูตรดูบ้างครับ ท่าน….กระป๋องแป้ง

ลูกศิษย์ : นี่…เป็นผลของการไล่กัดคนไปทั่วของผม ผู้คนเขาหวาดกลัวและมองพระอาจารย์ผิดๆ

ผมขอน้อมกราบขอขมาพระอาจารย์ในสิ่งที่ผมได้ทำลงไปก่อนหน้านั้น แม้ผมจะหยุดการเห่าแล้ว แต่วิบากนั้นยังมีอยู่ แม้ผมสัญญาจะไม่ด่าใครแล้ว ผลของวิบากนั้นก็ยังคงอยู่

เรื่องทั้งหลายทั้งปวงแม้ผมจะหยุดแล้ว แต่ผมยังต้องรับวิบากทางใจแก่สิ่งที่เกิดขึ้น

ผมขอกราบขอขมาพระอาจารย์และพี่น้องบุญญพลังที่ได้ทำเสื่อมเสียไป

โปรดอภัยให้ผมด้วยครับ ความผิดพลาดนี้ทำให้ผมคิดได้และสัญญากับใจตัวเองว่าจะไม่ด่าใครอีกต่อไป

พระอาจารย์ : หวัดดีทุกคน เรื่องของแปงนี่ แปงคิดมากไป มันเป็นเรื่องที่ใจยังโต่งอยู่

การที่เราโต่งไปฟากหนึ่งแล้วรู้สึกว่าไม่ดี จึงหันกลับไปสู่ความจริงอีกด้านหนึ่ง และทิ้งอีกด้านไปเลยนี่ ยังงี้เรียกว่า..โต่ง

การอธิบายความหมาย แสดงทักษะทางธรรมตามจริตภาษา ไม่ได้ไปไล่งับใครเขานี่ เพียงแต่เราว่ากันไปตามเหตุปัจจัยกันเท่านั้น

การใช้ภาษาของเรา อาจดูว่าไปรุกรานเขานี่เขาคิด แต่เหตุเกิดจากเขารุกรานทั้งนั้น

นี่มันหน้าบ้านเรา ใช่จู่ๆเราจะไปไล่กัดเขา มีแต่ไอ้ควายที่ไหนไม่รู้ จู่ๆมาไล่ขวิดเอา
การโต้ตอบ เราตอบไปตามเหตุและผล เพียงแค่ของเรามันขี้เล่นไปหน่อย ..แต่ก็ไม่เป็นไร

การอธิบายนี่ มันจำเป็นกว่าการนิ่งเงียบ การนิ่งเงียบช่างแม่มัน ต้องดูเหตุปัจจัย เพียงแต่ไม่ใช่เขารุกรานทางภาษามา เล็กน้อย แต่เราใส่ซะใหญโต

เราอธิบายกันพอหอมปากหอมคอ เขาไม่ฟังก็ชักใบออกเสีย ซึ่งเขาก็ไม่ฟังเราอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่นิ่งเงียบ กูไม่เอาแล้วอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่

ข้าน่ะมีวิถีธรรมที่ข้ามองเห็น ข้าไม่ได้สนใจความเห็นของใครที่ยังตาบอด คนที่มันตาบอดมันก็ว่าตามความเห็นของมันไป

มันไม่ได้มาคลุกคลี ไม่ได้มาแหกตามอง มันแค่ใช้มโนคลำๆ ไปและคิดเอาเอง ทำไม่ต้องไปสนใจคนเหล่านี้

คนมีปัญญามีแต่เดินหน้า ไม่ข้องติดกับความผิด ที่มันเหยียบลงไป

“นักรบเหยียบหญ้าแพรกตาย มามัวเสียดายสวนสนามหญ้า มันน่าอาย”

เราแสดงตัวแบบไหน เราก็เดินไปอย่างนั้น การออกความเห็น ไม่ใช่หมาพิทักษ์เกาะ ข้านะมันหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า ไม่ต้องเฝ้ารักษา

เพียงแต่ว่า… เมื่อมีผู้รุกราน มันก็สมควรออกไปเตะกันบ้าง นี่ไม่เป็นไร

เราเอาความเห็น ที่ตรงและเป็นจริงที่เราเห็น ถ้าความเห็นเราผิดพลาด เราก็ขอโทษเขา เรายอมรับมันไปว่าเรามันยังโง่ต่อเขา

แต่ถ้าเขาโง่ เขาไม่ยอมรับ นี่…มันเรื่องของเขา การใช้ภาษาตามวาทะจริต ไอ้พวกดัดจริตมันฟังไม่ได้อยู่แล้ว ช่างแม่มันซิ ปฏิฆะห่าเหวที่ไหนเกิด ข้าไม่เห็นมีใครโกรธอะไรเลยนี่

มีแต่มานั่งขำๆกัน แล้วก็ลืมๆกันไป เวลาจบก็ขอโทษกัน หน้าตาก็ไม่เคยเห็น พูดก็ไม่เคยพูด มีแค่ตัวหนังสือภาษาบนจอ ไอ้ห่าทะเลาะกับจอโทรศัพท์ มันจะตัดสินอะไรใครได้

เหรียญมันมีสองด้าน ด้านเลวกับดี จริงกับปลอม ขาวกับดำ นี่มันธรรมดาของโลก

น้องๆมาที่นี่ ข้าชี้เรื่องปัญญา ส่วนเรื่องจริยา ต่างคนก็ต่างดูแลเอาเอง ไอ้คนพูด มันไม่ได้มารู้จักเรานี่ มันก็ว่าไปตามความเห็นของมัน

แต่เราจะเอาความเห็นของมันมาเปลี่ยนแปลงใจเรา ทำไมเราไม่เอาใจเราเปลี่ยนแปลงใจเราว่านี่ เป็นธรรมชาติของเขา เราย่อมรู้ใจเรา ไม่ใช่ว่าตามเขา ที่เขาพูดว่ามา

ข้าไม่เห็นว่า จะต้องมาขอขมา หยุดหรือไม่หยุดอะไรเลย ใครเขาจะนับถือหรือไม่นับถือ มันก็เรื่องของเขา

การสักนี่ มันเป็นเรื่องในกลุ่มเรา ใครจะสักไม่สัก ไม่มีใครไปเสือกกับเขา มีแต่ใครก็ไม่รู้มันดันมาเสือกกับกลุ่มของเรา

พวกเราสักกันมา มันเป็นเรื่องของคนสัก จะให้ข้าห้ามนี่ ไม่ใช่เรื่อง มันเป็นความพอใจที่เขาศรัทธา ข้าไม่ได้สนใจเรื่องสัก

ข้าสนใจแค่เรื่องสักไม่สัก มันเป็นสิทธิมนุษย์ชน ใครทำอะไรมามันก็ดีทั้งนั้น เราพูดคุยอยู่กันสนุกสนานเฮฮามันก็ดี

ความเป็นพี่เป็นน้องมันดีกว่า ราชากับยาจก มันพูดมันเดินเที่ยวเล่นและกระทำย่าง อิสระ

คนอื่นมันก็แค่มองเห็นแล้วตัดสิน แค่มาทำตัวสูงค่าโชว์ความเห็นตนให้เขาชม

ผลก็แสดงอยู่ว่า.. ยังชอบไปเสือกเรื่องของเขา

แล้วเราจะไปสนใจหรือให้ค่า คนที่เขาไม่เอากับเราที่เราเป็นกันทำไม เราเอาตัวเราเองให้รอดก็พอ

ปัญญาของคน ไม่ได้อยู่ที่ผลของการแสดงถูกใจใครไม่ถูกใจใคร เรายืนยันได้ด้วยใจ ด้วยเหตุด้วยผล เราเอาแค่นั้น

ใครจะเป็นผู้ร้ายพระเอก เราก็ควรทำใจ ช่างแม่มัน .

โอเคนะ ฮี๋เตียนเตียน

ลูกศิษย์ : กราบพระอาจารย์ที่เมตตาชี้แนะครับ ผมยังโต่งไป สวิงไปสวิงมา

พระอาจารย์ : เรามันเลวอยู่แล้ว เขามองเลว เราก็ควรภูมิใจ คนเลวๆ อยากให้คนอื่นมองดี ก็ยังดีไม่ได้ เราก็ยอมรับของเราไป

เพราะเลว ถึงอยากดี เมื่อเขามองเราเลว เราก็พยามยามทำความเลว ของเราที่ยังมีให้มันดี และความดีนี้ ไม่ว่ามันจะทำดีไปสูงส่งซักแค่ไหน

เมื่อคนดีๆ มันยังเอาใจมันไปตัดสินใจ เราก็ย่อมเลวไปในสายตาไม่มีดี เมื่ออยู่ฟากดีเพื่อทำดีมันยาก กลับมาอยู่ฟากเลวแล้วทำดี ย่อมง่ายกว่า

มันว่าเราเลว ก็ถูกของมัน เราอยู่ฟากเลวอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นว่าคนเลวอย่างเรามันจะไปเสียหายอะไร

“ผ้าเปื้อน มันสกปรก โดนความสกปรกโสมม สาดใส่ มันก็คงไม่ได้สกปรกไปกว่านั้นแล้วกระมั้ง

ผ้าขาว โดนฝุ่นแตะหน่อยเดียว มันก็ดูว่าไอ้ผ้านี่… มันชักจะสกปรก”

อะไรจะอยู่ยากกว่า ค่อยไปซักแม่งทีเดียวก็แล้วกัน ทำงานกันให้มันเสร็จๆ ก่อนค่อยไปซัก

ข้านี่ไปในที่ต่างๆ ข้าเห็นการแยกชั้นวรรณระหว่าง พวกพระกับโยม ไอ้เหี้ย.. เหล่าพระนี่เป็นเทวดาไปเลย แตะต้องไม่ได้ ระเบียบจัด มานะจัด ดูเหมือนเคร่ง แต่ความจริงมันก็ทำท่าทางไปงั้นแหละ

ที่นี่มีแต่พี่น้อง สถานะเก็บไว้ในใจ ความดีไม่ได้อยู่ที่ท่วงท่า ความเป็นธรรมดาระหว่างกันที่ดำเนินไปตามธรรมชาตินี่ซิ อยู่ง่ายไม่คับแคบ

ใครจะดูยังไงก็ช่างแม่มัน ข้ามีธรรมที่หลั่งไหลและย้อมใจให้มันขาวสว่างได้ ผลแห่งปัญญามันแสดงอยู่ ไม่จำเป็นต้องไปตอแหลด้วยเรื่อง จริยา เพื่อให้โลกมันชมว่า หงิ๋มๆเรียบร้อยๆน่ะ มันเป็นคนดี มันว่าข้าเหี้ย ก็มันเหี้ยอยู่แล้วไอ้ห่า

โอเคนะ ท่านไหย๋อันข่วย

ลูกศิษย์ : กราบพระอาจารย์อีกครั้งครับ ผมทั้งตลกทั้งซึ้งน้ำตาคลอ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 18 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง