ยึดเปลือกเป็นเนื้อเยื่อ

ยึดเปลือกเป็นเนื้อเยื่อ

859
0
แบ่งปัน

อันว่าธรรมนั้น เราลอกเขามา เราแปลเขามา

การแปลนั้น มันเป็นเปลือกเพื่อรักษาไว้ซึ่งเนื้อเยื่อข้างใน

หากรายึดเปลือกมาเป็นเนื้อเยื่อซะ เราก็ได้แต่เปลือกที่เข้าใจว่าเป็นเนื้อเยื่อ

มันไม่ผิดหรอก ที่เราจะยึดเปลือกว่าเป็นเนื้อเยื่อ

เพราะปัญญาเรามันได้แค่เข้าใจว่าเนื่อเยื่อทั้งหลายนี้ ไม่ใช่เปลือก เรารู้แค่ว่า นี่แหละคือเนื้อเยื่อ

นี่ เราจึงได้เนื้อเยื่อที่เป็นเปลือก

เรารู้จำ เราก็เอาแค่จำนั้นมารู้ของเราไป

เราอย่าได้เอาจำนี้ไปอวดไปฟาดฟันใครเขา ด้วยใจที่มันพาลและอหังการ์

หากเอาความรู้จำที่ยึดที่ทำมาถกถามด้วยกริยาเยี่ยงมิตร

การถกการคุนเพื่อขยายธรรมนั้นตามภูมิวิสัย มันก็จะหลั่งไหลกันออกมา

ธรรมนี้มันใช้เหตุใช้ผล

แต่ในเหตุในผล มันมีเหตุแห่งภูมิธรรมของแต่ละคน ไม่เท่ากันอีก

เด็กน้อยแสนฉลาด มันก็ฉลาดอย่างเด็กน้อย

เด็กน้อยจะไปติงผู้ใหญ่เพราะสำคัญว่าผู้ใหญ่ก็คงเป็นอย่างเด็กน้อย นี่นิสัยเด็กน้อย

ผู้ใหญ่ไม่ฟัง แม้ท้วงติงให้เด็กน้อยฟัง มันก็ไม่ฟัง

เด็กน้อยมักดึงดันในสิ่งที่เด็กน้อยยึดและเข้าใจ ว่าธรรมทั้งหลายแห่งเด็กน้อย ก็คือธรรมที่เด็กน้อยเห็นว่ามันจริง

เด็กน้อยไม่รู้ว่าที่มันจริง มันจริงอย่างเด็กน้อย

หากเด็กน้อยค่อยเรียนรู้ในสิ่งที่เด็กน้อยไม่เคยรู้ และเพราะคิดว่าเด็กน้อยรู้แล้ว

เด็กน้อยก็จะเติบใหญ่อย่างเด็กน้อยที่เป็นผู้ใหญ่ อย่างมีคุณค่าและทรงคุณ

เด็กน้อยที่ดื้อด้าน มันย่อมเป็นผู้ใหญ่ที่ดื้อด้าน

เด็กน้อยไม่ยอมรับใจที่มันดื้อด้านของเด็กน้อยเอง

แต่เด็กน้อยอยากให้ใครๆยอมรับความดื้อด้านตามภาษาของเด็กน้อย

นี่เป็นเด็กน้อยที่น้อยและด้อยปัญญา ทั้งๆที่น่าจะเป็นเด็กที่ทรงภูมิปัญญาได้ไม่ยาก

เด็กน้อยย่อมไม่รู้ว่าอะไรคือเปลือก อะไรคือเนื้อเยื่อ

ด้วยความเป็นเด็กน้อย ก็ย่อมยึดเปลือกว่าเป็นเนื้อเยื่อ เพราะรู้จักเนื้อเยื่อเพียงแค่นั้น อย่างเด็กน้อย

เรายื่นมะม่วงให้เด็กน้อย ให้เด็กน้อยเอาไปทำประโยชน์

ประโยชน์อย่างเด็กน้อยก็คือปอกเปลือกกินแต่เนื้อเยื่อ

เด็กน้อยรู้แค่ว่า ที่ห่อหุ้มนี่เป็นเปลือก เมื่อปอกเปลือก มันก็เจอเนื้อเยื่อ

และเด็กน้อยก็จะพอใจแค่เนื้อเยื่อ ที่ภูมิปัญญาเด็กน้อยมันเข้าใจ

หากปราชญ์มาบอกไป ว่าที่เด็กน้อยเข้าใจว่าเนื้อเยื่อนั้น มันคือเปลือก

นี่..เด็กน้อยเถียงหัวชนฝา ตามสันดานของเด็กน้อย

เด็กน้อยมองไม่เห็นความเป็นเปลือกที่เข้าใจว่ามันเป็นเนื้อเยื่อ

ปัญญาเด็กน้อยมันสุดอยู่แค่เนื้อเยื่ออย่างเด็กน้อย

เด็กน้อยรู้แค่ว่า อะไรที่เด็กน้อยแดกๆได้นี่แหละ มันไม่ใช่เปลือก

เด็กน้อยมันไม่เอาเปลือก เด็กน้อยมันจะเอาแต่เนื้อเยื่อ

มันไม่เข้าใจว่าเนื่อเยื่อนี้ มันก็เป็นเปลือก

เนื้อเยื่อมันเป็นเปลือกเพื่อห่อหุ้มและรักษาเมล็ด

เด็กน้อยย่อมทิ้งเมล็ด เพราะความเข้าใจว่ามันเป็นแค่เมล็ด มันไม่ใช่เนื้อเยื่อที่เด็กน้อยจะแดกเข้าไปได้

เด็กน้อยไม่รู้ว่าสัจธรรมในกาลนั้น เนื้อเยื่อที่เด็กน้อยเข้าใจนั้นคือเปลือก

มันเป็นเปลือกรักษาเนื้อเยื่ออันเป็นเมล็ดไว้

ที่ลึกลงไป เนื้อเยื่อแห่งความเป็นเมล็ด ก็คือเปลือก

มันเฝ้าบ่มรักษารากรักษาใบที่เป็นเนื้อเยื่อของมัน

ที่ลึกลงไป รากใบที่เมล็ดเป็นเปลือกรักษา

มันก็เป็นเปลือกที่ห่อหุ้มรักษา ให้เป็นเนื้อเยื่อที่มีโคนมีลำต้นที่ยิ่งใหญ่

ลึกลงไป โคนและลำต้นที่เป็นเนื้อเยื่อของของรากของใบ

มันก็เป็นเปลือกที่รักษาเนื้อเยื่อกิ่งก้านสาขาและยอดใบไว้ด้วยความทนุถนอม

กิ่งก้านยอดใบที่เป็นเนื้อเยื่อ ก็เป็นเปลือกรักษาดอก

ดอกที่เป็นเนื้อเยื่อก็เป็นเปลือก รักษาผล

ผลที่เป็นเนื้อเยื่อก็เป็นเปลือกรักษาเนื้อใน

เนื้อในที่เป็นเนื้อเยื่อก็เป็นเปลือกรักษาเมล็ด

นี่..เด็กน้อยมันจะเข้าใจไหม เพราะตำราของเด็กน้อยมันไม่เคยสั่งสอนไว้

นี่เป็นสัจธรรมที่เป็นธรรมอาศัยเหตุและปัจจัย

นี่เรียกว่ากฏแห่งอธิทัปปัจยตา ที่บาลีเขาแปลๆกันมา เด็กน้อยรู้ไหม

เมื่อกาลมันไหลเวียนไปตามแนวแห่งอิธิทัปปัจยตา

เวียนไปครบรอบแห่งกาล นี่เรียกว่า วงล้อแห่งปฏิจจสมุปบาท

เด็กน้อนรู้จักวงล้อปฏิจจสมุปบาทไหม

หรือรู้จักตามๆกันไปท่องกันไปอย่างเด็กน้อยอ่านเขียน

สรรพสิ่งล้วนมีเหตุ เหตุนี้เป็นสมมุติ ดับเหตุเป็นวิมุติ

สมมุติคือตัวอวิชา อวิชาเป็นที่มาแห่งเหตุทั้งปวง

เด็กน้อยพอใจแค่เนื้อเยื่อตรงไหน เด็กน้อยก็พอใจความหวานฉ่ำแห่งเนื้อเยื่อ ที่เด็กน้อยไม่เคยรู้ว่า

ความหวานฉ่ำทั้งหลายที่เป็นเนื้อเยื่อ มันเป็นแค่เปลือกที่เด็กน้อยยึดไว้ ด้วยความสำคัญถูก อย่างเด็กน้อย..!