เมื่อสิ้นสงสัย ความยึดจำแห่งธรรมทั้งหลายก็สิ้นสลาย

เมื่อสิ้นสงสัย ความยึดจำแห่งธรรมทั้งหลายก็สิ้นสลาย

1645
0
แบ่งปัน

แต่ก่อน ข้าอธิบายธรรมอย่างฉะฉานมาก แต่ในความฉะฉาน มันยังมีความไม่แน่อยู่ในธรรม

มันยังปักใจไม่ได้ ว่าธรรมทั้งหลายที่อธิบายนั้น รับรองว่าชัวร์แน่ใช่ไหม

แม้จะรู้ธรรมและเข้าใจธรรมอย่างทะลุทะลวงทีเดียว มันก็ยังไม่ชัวร์

มันรู้หมดธรรมทั้งหลายที่อ่านๆ จำๆ กัน มันอธิบายได้เลย

ผัสสะปุ๊บ อธิบายได้ปั๊บ มันเข้าใจในธรรมทั้งหลาย ที่ได้จดจำมา และข้าก็อธิบายตามภาษาธรรม ที่จดจำ และด้วยความเข้าใจ

แต่นั่นแหละ นั่นยังไม่ใช่ธรรม พวกเรารู้ไหม มันเป็นธรรมที่ยังไม่สิ้นสงสัย

ธรรมแห่งตำรา ธรรมแห่งจดจำมา พวกเราฟังกันได้และจำกันได้

ใครมีปัญญาวิเคราะห์ได้เก่ง ก็เหมือนจะรู้ธรรมเก่ง นี่ยังไม่ใช่ธรรม

จำมาแค่ไหน เก่งยังไง ก็เป็นธรรมแบบเด็กน้อย

ข้านี่ แสดงธรรมแบบเด็กน้อยมาหลายปี โดยไม่มีใครรู้ และข้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมแบบเด็กน้อยท่อง ก.กา

แต่ข้ารู้ว่าธรรมที่แสดง มันไม่ได้ออกจากใจ มันเป็นธรรมที่ออกมาจากการจด

ตราบใดที่เรายังจด ยังจำ นี่ไม่ใช่ธรรม มันเป็นธรรมแห่งอัตตาสัญญา

สมัยก่อน ข้ามักจะมีธรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ฟัง โดยเฉพาะผู้ใกล้ชิดและฟังธรรม

มันเป็นธรรมที่เคลียร์และละเอียดอ่อน ลึก สุขุมคัมภีรภาพน่าฟังน่าติดตาม และไหลต่อเนื่องออกมาอย่างไม่รู้จบ

มันเป็นธรรมที่สว่างโพลนขึ้นมาในใจ แต่ธรรมทั้งหลาย ข้ายืนยันให้ไม่ได้

แม้จะเข้าใจและรู้แค่ไหน มันยังยืนยันให้แก่ใจไม่ได้ ว่าสิ่งที่อธิบายและที่เข้าใจ มันจะใช่ตรงตามความเป็นจริงหรือเปล่า

ข้ามักจะบอกคนใกล้ชิดเสมอว่า อย่าเพิ่งปักใจเชื่อสิ่งที่คิดว่าใช่ ว่าธรรมทั้งหลายที่กล่าวไป มันใช่และไม่ผิด นี่มันยืนยันไม่ได้

เพราะสิ่งที่ข้าว่าใช่ มันอาจไม่ใช่ก็ได้ เมื่อปัญญามันถึงกาลหนึ่งขึ้นมาในวันข้างหน้า

ธรรมที่คิดว่าดี คิดว่าใช่ ข้าจะบอกไปว่า ข้ายังยืนยันให้ไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่

แต่เท่าที่กำลังปัญญามีในตอนนั้น มันใช่สุดๆ ของมันแล้ว นี่เรียกว่า เป็นผู้ได้แตะต้องตัวสมมุติธรรม แต่ยังเข้าไม่ถึงตัวแห่งความเป็นธรรม

สมัยนั้นพวกศรัทธาข้ามักจะถามเสมอว่า นี่ที่สุดแห่งความจริงที่เชื่อได้แล้วใช่ไหม

ข้าก็จะตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน มันยังยืนยันให้ไม่ได้

มันก็จะร้องกันว่า อ้าว แล้วกัน

แม้จะเป็นเรื่องสมาธิจิตที่ข้าชำนาญ ข้ายังยืนยันให้ไม่ได้ ว่าจะใช่ดั่งที่ได้อธิบายรึเปล่า

ที่สุด เมื่อผลไม้มันแก่งอม มันก็สุกหวานหอมด้วยตัวมัน

ลูกไก่ในกระเปาะไข่ มันถึงเวลาเจาะกระเปาะไข่ เพื่อความเป็นไปแห่งกาลที่เปิดสู่โลกแห่งนอกกระเปาะไข่

ดุจลมมันหวลพัด เมฆหมอกให้แหวกออก เพื่อแสงแห่งตะวันได้ลงมาซัดสาดความสว่าง

ที่สุด ข้าก็สิ้นสงสัย มันยืนยันใจที่เคยสงสัยในยุงรำคาญ ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ว่ามันเป็นภัยแห่งศัตรู หรือเป็นมิตรที่ไร้พิษสงสงอะไร

นี่ความสว่างแจ้งแทงตลอดมันบังเกิดขึ้นในใจ เดือนหน้านี้ วันเพ็ญเดือนสาม เป็นวันครบรอบใจ ที่เป็นตำนานแห่งความสิ้นสงสัยอีกครั้ง

ความสิ้นสงสัยนี้ มันยืนยันธรรมได้ทุกกาล ไม่มีกาลใดที่ใจดวงนี้ จะมีธรรมทั้งหลาย ที่จะจดจำธรรมอีกต่อไป

มันสิ้นแล้ว ใจแห่งการจดจำธรรม

ไม่มีธรรมใดๆ ที่โลกเขาอาศัยมาไว้ให้ใจนี้ ได้จดจำ มันไม่จำแล้วธรรม มันไม่จดจำเพราะใจมันสิ้นสงสัย

ตราบใดที่ใจยังไม่สิ้นสงสัย มันก็จะจดจำและแบกธรรมอย่างใจที่มันเป็นผู้สงสัย

ใจที่สิ้นสงสัยในธรรม ผัสสะธรรมอะไร มันก็อธิบายได้อย่างสิ้นสงสัย โดยไม่ต้องไปจดไปจำ

อธิบายแล้ว ก็จบกัน มันไม่จำธรรมที่มันอธิบาย เมื่อผัสสะใหม่ มันก็เข้าใจและพิจารณาอธิบายใหม่

มันอธิบายได้ โดยไม่ต้องไปจำ ไปฟัง ไปเอาธรรมจากตำราหรือพ่อจ๋าแม่จ๋าจากที่ไหน

ใจมันไหลออกมาเป็นภาษาธรรม และเป็นธรรมแห่งสัจธรรม ที่กล่าวเมื่อไหร่กับใครที่ไหน

มันก็ยืนยันได้ด้วยตัวมันเองที่เป็นสัจธรรมในตัวมันเอง

นี่เป็นปาฏิหาริ์แห่งธรรม ที่ไม่ต้องไปจดไปจำธรรมจากที่ไหน ให้มันรกใจรกสมองให้เป็นขี้ไคลอีก

ตราบใดที่ต้องจดและจำ มันก็ได้ธรรมแค่จำและจด

ตราบใดที่ธรรมทั้งหลายออกจากใจ มันก็ย่อมได้ใจ เพราะมันเป็นธรรมออกจากใจ ไม่ใช่ธรรมที่มันหลุดออกมาจากการจดจำ

ใจที่เข้าถึงธรรมแห่งปฏิภาณ ความสิ้นสงสัยเมื่อเกิดกับใคร มันตอบใจและผู้อื่นได้ในทุกคำถาม

และทุกคำถามที่อธิบายไป มันยืนยันได้ด้วยเหตุและผลในตัวของมันเอง โดยที่เจ้าของไม่ต้องไปอาศัยการจดจำมาจากที่ไหน มันไหลออกมาได้ทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลา

ธรรมทั้งหลายบรรลือออกไปได้ ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะใช่หรือไม่ใช่ มันชัดแจ้งตรงเป้า เข้าถึงความจริงแห่งความเป็นธรรม คือธรรมดาแห่งสัจธรรม ที่มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง

เราสงสัยก็ต้องทดสอบ ผู้สิ้นสงสัยเป็นดุจทองที่ไม่กลัวไฟ ไม่ต้องอาศัยใคร ไม่ต้องอาศัยหยิบยืมตำรามาเป็นผู้ช่วย

มันยืนยันได้ด้วนใจ กล่าวธรรมด้วยภาษาใจ มันไม่จำเป็นต้องกล่าวธรรมด้วยภาษาตำรา แต่ธรรมทั้งหลาย มันก็อยู่ในร่องแห่งตำรา ที่เขาจดจำและร่ำเรียนกัน

เราทดสอบกันได้ จะได้คลายความสงสัย

นี่เดือนหน้าก็จะครบรอบปีที่สามแห่งธรรมที่สิ้นสงสัย

ข้าคิดว่า เดือนหน้าอาจเป็นวันหล่อเสาเอกแห่งองค์พระพุทธะบุญญพลัง

คำว่าพุทธะก็คือ ปัญญาที่รู้แจ้งตลอดแห่งความสิ้นสงสัย

วันนั้นเราจะทำพิธีนอบน้อมต่อพระพุทธองค์ ด้วยการมาร่วมกันเสาค้ำยัน องค์พระพุทธะ

ที่ข้าสร้างองค์พระ ข้าสร้างเปลือกเพื่อรักษาไว้ซึ่งสัจธรรมแห่งพระบรมครูเรา

คนไม่สิ้นสงสัย มันก็สงสัยในการสร้าง ความสงสัยทั้งหลายมันไปสุมอยู่ในใจที่ขี้สงสัย

ยิ่งศึกษาธรรมเท่าไหร่ แทนที่จะกระจ่างใจ กลับขี้สงสัยเป็นเงาตามตัว

ยิ่งจำยิ่งรู้ยิ่งถามยิ่งขี้สงสัย ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เหมือนเขา มันต้องอย่างนี้ๆๆๆๆซิ จะใช่เหรอตำราเขาก็ว่ามาอย่างนี้ ทำไม ทำไม ทำไม

ซ่นตีนจริงๆไอ้พวกประเภทนี้ มันขี้สงสัยชิบหาย ทำอะไรประกาสอะไรมันก็สงสัย

แต่ทำไมพวกมันไม่สงสัยใจของมันที่ขี้สงสัยมั่งก็ไม่รู้ ทำไม ทำไม

เออคืนนี้หวัดดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง