รักแค่ไหน ก็ต้องจากกันตามเหตุปัจจัย

รักแค่ไหน ก็ต้องจากกันตามเหตุปัจจัย

874
0
แบ่งปัน

พระอาจารย์ : ข้าได้เทศน์วิบากกรรมของพระศรีอริยะฯ กับพระมหากัสปะไว้ ได้อ่านกันรึยัง เพราะข้าได้โป้งไว้ที่ห้องนี้ แต่พอดี นธีมันไปถามในเฟส ก็เลยตอบที่นั้น

ลูกศิษย์ : กราบนมัสการครับ / ค่ะ

พระอาจารย์ : บางทีพวกเราต้องติดตามในเฟสบ้าง เพราะเมนท์ไว้เยอะ มันก็เหมือนเทศน์สดในห้องนี้นี่แหละ แสดงไว้มากหลาย หากเอามาเตือนใจเราไว้
มันก็ช่วยให้เราเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น เราต้องดูแลใจเราเอง ไม่มีใครมาดูแลเราหรอก ข้าเองก็แค่บอกๆ ไปตามเหตุปัจจัย

ลูกศิษย์ : ใช่คะ แม้คนที่คิดว่ารัก ยังไม่แน่เลยคะ มันเป็นอย่างนี้เอง

พระอาจารย์ : ใช่จารย์ไก่ อย่าเพิ่งมั่นใจ ที่จริงประธานหญิงของฮุนใดแห่งเกาหลี เขาเชิดชูเกียรติภูมิน้องชายเขาที่ได้เป็นเจ้าของบริษัทซัมซุง เขามีอายุ 86 แล้ว

ส่วนน้องชาย 83 ยังฟ้องร้องกันได้เลย ความรักมันไม่แน่นอน มันมีความผันแปลไปตามเหตุปัจจัย แต่จริงๆ แล้ว พี่น้องเขาไม่ฟ้องร้องกันหรอก

เหตุปัจจัยรอบด้าน มันฟ้องตัวมันเอง คือพวกลูกๆ หลานๆ และผู้ถือหุ้นทั้งหลาย

พวกนี้เขามีความเห็นต่าง เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีครอบครัว เพราะครอบครัวนี่แหละมันทำให้มีปัญหา

มันมีความรู้สึกว่า สายใยแห่งครอบครัวตนมันโดนเอาเปรียบ

โดยวิสัยแล้ว พี่น้องคู่นี้ เขาไม่ฟ้องร้องกันเองเพื่อแบ่งเงินหรือคิดฮุบเงินมาเป็นของพวกตนหรอก เขาแก่จะตายห่าอยู่แล้ว

เรื่องทั้งหลายเกิดจากความเหินห่างและลูกๆหลานๆมันเป็นเหตุ

พวกมาร่วมถือหุ้นมันเป็นพวกก่อเหตุ พี่น้องทั้งคู่ที่รักกัน ก็ต้องพลอยว่ากันไปตามเหตุปัจจัยที่มันสุกงอม ไม่ฆ่ากันตายอย่างหลายพี่น้องในเมืองไทยก็บุญโขแล้ว

ข้าเองมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง สมัยนั้นข้าก็ยังเด็กเพิ่ง อายุ 12 ขวบ

น้องคนนี้เพิ่งเกิด เขากับข้าอายุห่างกัน 10 ปี น้องคนนี้ รักพี่ชายมาก หวงพี่ชายมาก เพราะพี่ชายคือฮีโร่มัยซินของเขา เมื่อโตขึ้น เขายังไม่ทันเข้าเรียนเลย
พี่ชายก็ต้องไปเรียนต่อที่อื่น

เขาก็เติบโตมาโดยไม่ได้ใกล้ชิดพี่ชายดังใจหวัง แต่ใจนั้นพี่ชายเป็นฮีโร่ ครั้งหนึ่ง เขาได้มาเยี่ยมพี่ชายที่กรุงเทพ ได้ไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีนักเลงมาบีบตูดน้องสาว

ขณะเต้นอยู่ในผับใหญ่ เขามาบอกพี่ชาย ให้ไปจัดการ พี่ชายเดินไปหวังจะจัดการให้ น้องสาวเดินตามหลัง เมื่อไปถึงน้องชี้ตัวคนจับตูด

พี่ชายล็อกคอมันทันที บนฟอร์เต้น ทุกคนหยุดกึ๊ก พวกมันทั้งนั้นเลย ยี่สิบกว่าคน แต่น้องสาวไม่สน เพราะคิดว่าพี่ชายนี้ เป็นซุปเปอร์แมน ไม่กลัวใคร

แต่พี่ชายคนนี้ ใจหายวาบ ที่ยืนล๊อกคอเพราะนึกว่าไอ้เจ้านั่นมีคนเดียว แต่จริงๆ แล้ว พวกมันทั้งโขยงนั่นแหละ แต่พี่ชายก็ล๊อกคอให้น้องสาวได้ต่อยหน้ามัน

น้องเราก็ช่างซ่า ต่อยหน้ามันโครมใหญ่ น้องสาวสะใจ พี่ชายเก่ง ชี้หน้าด่าท้าทุกคนบนนั้น

นี่เพราะมั่นใจว่า พี่ชายเก่ง โดยไม่รู้เลยว่า พี่ชายกำลังเตรียมตัวรับตีนยังไง

สี่ห้าสิบตีนมันกำลังรออยู่ แต่ความกล้าและความมั่นใจในพี่ชาย น้องสาวไม่ยี่หระใครหน้าไหนทั้งนั้น ปรากฏว่า พวกนั้นขอโทษ ยอมให้น้องสาวต่อยต่อเพื่อถ่ายโทษอีก 2 ตุ๊บ

พี่ชายถอยกลับลงมา เอามือสอดเข้าไปในเสื้อ ทำท่าล้วงปืนอยู่ในที ดีที่เป็นแจ๊กเก็ตหนัง มันจึงไม่รู้ว่า พี่ชายนี้หามีปืนไม่ แต่ท่าทางการล้วงและมองกราดวางหน้านิ่งๆ นั้น มันทำให้พวกนั้นไม่กล้าแหยม

ไอ้เจ้าน้องสาวก็ยังไม่หยุดซ่า เดินท้าคนนั่นคนนี้ไปทั่ว พี่ชายถอยห่างออกมา ใจหายวาบ เพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน หนีหายไปหมดแล้ว ตอนนั้นน้องสาวเพิ่งเป็นสาว อายุแค่ 14 ปี

แต่แม่คุณซ่าเหลือทน นี่เธอรักและบูชาพี่ชายเธอมากๆ เมื่อโตขึ้น ความที่ต้องมีครอบครัว เมื่อเจอผู้หญิงของพี่ชาย เธอก็เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของพี่ชายมากขึ้น

เธอก็รู้สึกว่า พี่ชายเริ่มไม่รักเธอ ใจเธอเริ่มเกลียดพี่ชาย ที่ไปรักคนอื่นมากกว่าเธอ เธอจึงเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้พี่ชาย เพราะเข้าใจว่าผู้หญิงเหล่านี้ มาทำลายพี่ชายไปจากเธอ

ที่สุด เธอก็ไปไม่หวลกลับมาหาพี่ชายอีกต่อไป นี่เพราะความรักและไม่ได้ดั่งใจเป็นเหตุ คิดเอาเอง และมันต้องเป็นอย่างที่คิด โลกนี้ ไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ

ที่สำคัญ เธอดูว่าพี่ชายไม่เข้าข้างเธอ ทำให้ยิ่งน้อยใจทวีคูณ เธอจากไปด้วยความแค้นและชิงชังต่อโลก และเกลียดโกรธลึกๆ ระคนน้อยใจในตัวพี่ชาย

ที่สุดเธอก็ไปตามทางที่เธอต้องการ เธอได้สามีและไปทำธุระกิจในสวิสเซอร์แลนด์กับสามีเธอ นี่คือความรักที่ น้องรักพี่มากๆ

เมื่อไม่ได้ดังใจในความรัก มันอาจฆ่าฟันกันได้ ไม่มีพี่ไม่มีน้องได้ ไม่ว่า จะเคยร่วมทำวีรกรรมอะไรกันมามากมายแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลมันเสมอ

เราอย่าพึงวาดหวังว่า ทุกอย่างมันจะคงที่คงทน แม้จะเป็นพี่ๆ น้องๆ กัน ที่สุดแล้ว เราต้องเกลียดโกรธกันด้วยเหตุปัจจัยเล็กน้อยๆ

เราจะยอมรับมันได้ไหม กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป หากยอมรับกับมันได้ ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรได้ดังใจ มันเป็นของมันเช่นนี้ ยอมรับมัน

เราจะอยู่กับโลกใบนี้ อย่างสบายตัวหน่อย ตอนนี้ น้องสาวอายุ 40 ปีแล้ว ยังรักและห่วงใยพี่ชายเหมือนเดิม ต่างตรงแค่ว่า

ความรักนั่นมันเปลี่ยนแปลงไปเพราะความเข้าใจโลกได้มากขึ้น เธอยอมรับได้มากขึ้น แต่ที่ทำใจยากและยังรับไม่ได้ ก็คือพี่ชายบวช

เพราะเธอต้องจากพี่ชายที่เธออยากโอบกอดไว้แน่นๆ ไป เธอทนไม่ได้ที่เห็นพี่ที่เธอรัก ผอมแห้งและดำคล้ำเกินกว่าจะรับได้

พระต้องไม่ใช่อย่างนี้ในสายตาเธอ ที่สุดพี่ชายที่บวช ก็อ้าแขนรับน้องสาวให้เข้ามาโอบกอด ในวันที่เธอสงสัยและรับไม่ได้

สายตาคนหลายสิบเห็นภาพที่หญิงสาวผู้หนึ่ง

โอบกอดพระแน่นสะอึกสะอื้นร่ำให้ พี่ชายกอดน้องสาวเบาๆ เธอร้องให้พร่ำว่า หนูได้กอดแล้ว หนูได้กอดแล้ว หนูได้กอดพี่ที่กำลังจะจากไกลไม่หวลคืนแล้ว

ขอหนูกอดนานอีกนิด อย่าได้มาห้ามใจหนู ขอกอดนี้ไว้ตรึงใจครั้งสุดท้ายก็ไม่เป็นไร พี่ชายให้กอดแล้ว ยอมให้กอดทั้งๆ ที่เป็นพระ

หนูชื่นใจเหลือเกิน ไม่อยากให้พี่ชายอยู่ในชุดนี้เลย โลกนี้เหลือหนูอยู่คนเดียวแล้ว พี่ชายมาหายไปอีกคน โลกนี้ช่างใจร้าย

มาทำลายสายใยของน้อง หลายคนเฝ้าดูบอกอารมณ์ไม่ถูก เธอกอดสะอึกสะอื้นร่ำให้อยู่นาน พี่ชายบอกว่า พอแล้ว คนเขามอง

เธอกอดแน่นเข้าไปอีก ซบหน้าแน่นที่ตรงอก หน้าอกแผ่นนี้เธอเคยกอดเคยแนบแก้มด้วยความรักความภูมิใจ

ชาตินี้เธอคงไม่ได้มีโอกาสอีกแล้ว เธอสะอึกสะอื้นนิ่งแนบแน่น อยากเงยหน้ามองพี่ชายที่จากไปแล้วอย่างนิ่งเงียบ

แต่เธอเลือกที่จะตัดใจ แล้วหันหลังกลับ

เธอเดินลับจากไป ไม่หันกลับมามองพี่ชายอีกเลย ภายหลังเธอบอกว่าไม่กล้ามองหน้า ขอเดินจากไปโดยไม่มองดีกว่าที่สุดเธอก็รู้ว่า

โลกนี้อะไรที่เรารัก มันก็ย่อมพรากจากกัน เป็นธรรมดา

เธอยอมรับและรู้ว่าตามนั้น แต่ใจนั้นเธอบอกว่า มันยอมรับความจริงเช่นนี้ไม่ได้ซักที

เธอจึงหนีและไม่ขอพบอีกเลย เพราะทำใจไม่ได้ นี่เพราะรักเป็นเหตุ แม้จะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน มันก็ยังไม่แน่ หวัดดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง