ทำจิตเข้าสู่ปฐมฌานด้วยกสิณ

ทำจิตเข้าสู่ปฐมฌานด้วยกสิณ

1459
0
แบ่งปัน

นู่น หาช่องว่างบนแผ่นฟ้ายามเช้าๆ แล้วมองขึ้นไป

การจ้องไปยังอากาศ ทำใจสบายๆ ซักพัก เราจะเห็นแสงระยิบระยับ ในอากาศที่เรามอง

หากมองไม่เห็นอีก ก็มองอย่างไม่ตั้งใจ

ถ้าตั้งใจมันเป็นการเอาตัวตนเข้าไปมอง

มันจะมองไม่เห็น

หากไม่เห็นอีก ก็ให้คนข้างๆ เคาะด้วยไม้หน้าสาม เอากันพอตาเหล่

ช่วงมึนๆ นั่นแหละ มันพอจะมองเห็นแสงระยิบระยับ

นี่ เรียกว่าเป็นคนมองเห็นดาว

หากยังไม่เห็นอีก ก็ไปๆ ซะ ไปดูหนังทำอะไรก็ไป

อย่าไปยุ่งกะมันเลย คงไม่มีอะไรดีขึ้นกับใจดวงนี้แล้วละ

ท่านว่า คนเราหากมองเห็นพยับแดดได้ซักครั้ง มันดีกว่าที่จะถือศีลบริสุทธิ์ตั้ง 100 ปี

มันดีกว่ายังไงหนอ ตามที่ท่านว่า

มันดีกว่าก็เพราะว่า ใจมันว่างจาก อกุศลทั้งปวง

มันอยู่ข้างหน้าเรา เราเห็นไหม

เราเคยอ่านตำราว่า การมองเห็นพยับแดดซักครั้งดีกว่าถือศีลบริสุทธิ์ตั้ง 100 ปี

เรารู้คำว่าพยับแดด แต่เราไม่รู้ว่า อะไรคือ พยับแดด

มันก็เลยเป็นพยับแดดแค่ในตำรา นี่มันรู้แบบไม่รู้ว่าอะไรเป็นพยับแดดจริงๆ

พวกอ่านตำราและยึดตำรา มันใช้ตาคลำ มันมองไม่เห็นพยับแดด

ต้องหาคนแหกตามันออกจาก พยับแดดในตำรา มันจึงจะร้องอ๋อ ขึ้นมาได้

การมองเห็นพยับแดด เมื่อมองจนจิตมันรวมตัว มันจะเข้าสู่โปแกรมปิติ

ในขณะที่สติเราก็รู้อยู่ แต่ภาพรอบๆ ครองจักษุ มันจะเริ่มลืมเลือนหายไป

ภาวะนี้ เป็นปิติใจที่มันเกิด หากอิ่มและเป็นสุขกับการมองเห็นในระยิบระยับที่มันมากขึ้นๆๆๆๆๆ

จนเต็มม่านตาเรา นี่คือภาวะสุข ที่รวมลงเป็นเอตคตารมณ์ เป็นอารมณ์เดียว

เราเรียกอาการนี้ว่า ปฐมฌาน

นี่ปฐมฌานเราได้กันอย่างง่ายๆ ไม่ต้องมากท่า ไม่ต้องรู้มาจากตำรา

วิตก คือ การตั้งใจที่จะเพ่ง

วิจารณ์ คือ การประคองใจที่เพ่ง

ปิติ คือ อาการที่เริ่มเห็นสิ่งที่เพ่ง

สุข คือ อิ่มกับการเพ่งในสิ่งที่เห็น

เอตคตา คือ เป็นอารมณ์รวมเป็นหนึ่ง ใน วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข

นี่ปฐมฌาน

บางคนฝึกนั่งกรรมฐานมาตั้วนาน ปฐมฌานไม่เคยเกิด

เรียนมากไปพอรู้ช่องทาง มักจะเอ่ยลมปากกับตัวเองว่า สาดดดดดเอ๊ยแค่นี้เอง

ถ้าเอาอารมณ์เพ่งที่เราเคยชินนี้ ไปเพ่งภูเขาที่เป็นสีเขียว หรือพื้นสนามหญ้า พื้นทรายที่เป็นเม็ดๆ เรียงตัวกัน

มันก็จะเห็นภาวะลม การเห็นลมนี่ ไม่ยาก

ให้เราทำใจกลางๆ เพ่งไปยังสีเขียวจุดใดจุดหนึ่งที่ภูเขา

เมื่อจิตมันเกิดการรวมตัว ภูเขาก็จะเริ่มเป็นคลื่น ความรู้สึกเหมือนระยิบระยับไปทั่ว

แต่ตำแหน่งที่เพ่งจะยังคงชัดเจน รอบๆจุดที่เพ่ง จะก่อเกลียวใสเป็นวุ้น หมุนช้าๆเคลื่อนไปรอบๆจุดที่เพ่ง

ตรงนี้ ภาวะนี้ ข้าให้นิยามว่า วิญญานเรามันเห็นลม

มันเป็นลมหรือ จริงๆก็ไม่ใช่หรอก มันเป็นภาวะการปรุงแต่งแห่งจิตเท่านั้น

เพียงแต่ภาวะที่เห็นตรงจุดนี้ มันเป็นอาการแห่งจิตที่ตกอยู่ใน ปฐมฌาน

เป็นปฐมฌานที่กำลังรู้เพ่ง ประคองเพ่ง เกิดปิติคืออาการที่ปรุง ไร้ภาวะรำคาญในสิ่งรอบด้าน เป็นอารมณ์เดียว มีสติรู้สิ่งที่ทำ

เอ้ยข้าว่ามาฝึกกับข้าเลยดีกว่า ขี้เกียจจิ้มกดจึ๊กๆๆ ว่ะ

คลำด้วยตา มันจะไปรู้อะไรเท่าใจที่ใช้กายทำ

ลูกศิษย์ : นมัสการค่ะโยมมองแล้วค่ะไปมองเห็นยิบๆๆ ยับๆๆ มองไปมองมาน้ำตามันไหลค่ะไหลพลั๊กๆๆ เลยเลิกมองค่ะสาธุสาธุค่ะ
คงต้องไม้หน้าสามอย่างหลวงพ่อว่าแล้วล่ะค่ะ

พระอาจารย์ : แค่น้ำตาไหลก็เลิกแล้ว เฮ่อ อรพิน จะไปทำอะไรกิน

เวลาใจมันเป็นสมาธิน่ะ ตามันค้างอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงๆ ข้าไม่เคยรู้สึกว่าน้ำตามันจะไหลลงมาซักแมะ

ตาก็ไม่สึกแสบ โน่นเลย จ้องพระอาทิตย์เลยไป แต่ก็กลัวตาบอดอีก เพราะความรู้มากของสัญญา

โอยวันนี้ลมเย็นมากๆ คงพอแค่นี้ก่อน ข้ามันขี้หนาว ที่นี่ ลมพัดยังกะชายทะเล

พระธรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ตัดสินธรรมด้วยการใข้ตาคลำๆ เอา ณ วันที่ 13 มกราคม 2558 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง