สมัยก่อน พระใส่จีวรผืนเดียว

สมัยก่อน พระใส่จีวรผืนเดียว

1723
0
แบ่งปัน

ผ้าปะจีวรบังสกุลที่พระอาจารย์ใส่ ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่เห็นพระเขาใส่กัน

เรื่องนี้เงียบหายไปนาน ได้ตามอ่านเม้นท์ก็ขอตอบธรรมบางข้อ

ลูกศิษย์ : ใครบอกให้ไปหาครูบาอาจารย์ในการปฏิบัติผมไม่เชื่อ ผมใช้การปฏิบัติของตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นครูบาอาจารย์แบบนี้ได้รึเปล่าครับ

พระอาจารย์ : Aod Udon การปฎิบัติโดยใช้ชีวิตประจำวัน มันเข้าถึงธรรมขั้นสูงไม่ได้ มันไม่สามารถมีดวงตาเห็นธรรมตามสัจธรรมความจริงได้ กำลังเราไม่พอ

นี่ เพราะเนื่องด้วยผู้คนและความคิดเห็นที่เป็นตัวตน เราหนีความเป็นเจ้าของตัวตนแห่งความคิดไม่ออก ต้องมีผู้ชี้ ชี้เองเรื่องทางจิตนี่ ชี้เท่าไหร่ ผิดเท่านั้น

เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีในสัญญาของเรา เราจึงตีไม่แตกเมื่อเราได้ผัสสะ เราจำเป็นต้องมีผู้ชี้

เมื่อพอเข้าใจแนวทางและมีที่ตั้งแห่งใจในกรรมฐาน มันจึงจะออกมาลุยและพิจารณาเองได้ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะมีดวงตาเห็นธรรมได้

หากกำลังใจและบารมียังสุกงอมไม่พอ จบชาตินี้ไปได้แค่ เทวาภูมิ และไม่มีจุดสิ้นภพด้วย

ส่วนเรื่องจีวร ที่ครองตัวอยู่นั้น จะเป็นผ้าปะหรือดูไม่งามเศร้าหมองเมื่อสวมคลุมกาย แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คน จีวรที่เป็นบังสุกุล ก็ไม่ทำให้เจ้าของผู้ถือธุดงค์ให้ได้รับความอับอาย ต่อสายตาใคร

มันภูมิใจแม้เป็นผ้าขาดผ้าปะ ที่ใครๆ เขาไม่เสาะแสวงหากัน คงเป็นผืนเดียว ที่อยู่กันจนตาย และตายไปในเครื่องห่อกายบังสุกุล

สมัยไปอินเดีย ได้ไปนั่งสมาธิ ที่พุทธคยา ตอนนั้นทางอินเดียยังให้เข้าไปนอนในสถานที่ใต้ต้นโพธิได้

พอนั่งทำสมาธิแล้วได้ฝันไป ฝันว่า ได้เจอกับพระที่เฝ้าดูแลสถานที่นั่น เป็นพระอาบังนี่แหละ

เห็นเขาใส่จีวรผืนเดียว ไม่มีสังฆาฏิ ไม่มีสบง

เขาเล่าว่า ในสมัยก่อนที่เขาจะเกิด ที่นี่นักบวชเขาก็มีใส่อยู่ผืนเดียว

ข้าถามว่า แล้วสบงล่ะไม่ใส่กันหรือ

เขาบอกว่า นั่นมันของผู้หญิง เรียกผ้าถุง

ถามว่าแล้วอาบน้ำยังไง

เขาบอกว่า ก็แก้ผ้า นานๆจะอาบซักที

แล้วไตรจีวรล่ะ

เขาบอกว่า ไม่รู้จัก

ข้าถามว่ารู้จักสังฆาฏิไหม

เขาบอกว่ารู้จัก เป็นผ้าปูนั่งปูนอน และห่มซ้อนกันหนาว แต่ไม่มีทุกคน

เขาบอกว่า เขาเอาจีวรแค่ห่มกาย ไม่ได้เอาจีวรไว้ห่มใจ

และพระยุคของเขา หนาวแค่ไหนก็ไม่มีเสื้อใส่ ทนหนาวเพื่อเป็นการย้อมใจ ว่าเกิดมาอีกก็ต้องมาหนาวอีก

เกิดอีกมาทุกข์อีก ทุกข์นี้ ท่านบอกให้กำหนดรู้ไว้ และพิจารณาผลที่ผัสสะเอา

ข้าถามว่า ก็เดียวนี้ นักบวชใส่เสื้อกันหนาว ใส่หมวกกันหนาว ใส่ถุงเท้ากันหนาว ใส่ถุงมือกันหนาว

พระอาบังท่านยิ้มบอกว่า กำลังใจมันไม่เท่ากันน่ะท่าน

ถ้าใส่ก็ไม่รู้ทุกข์ ทุกข์แห่งผัสสะมันไม่มาบีบคั้นใจ

ใจที่ป้องกันทุกข์ ย่อมทุกข์ใจเพราะเหตุแห่งความกังวล

ไม่ได้นำทุกข์มากำหนดรู้ไว้

ขึ้นชื่อว่าทุกข์ เราสามารถรู้ได้ก็เฉพาะตอนมีสังขารรูปนี้เท่านั้น เขาเองเสียดายที่สิ้นรูปซะก่อน

หากเขามีรูปอีกครั้ง เขาจะใช้ผ้าแค่ผืนเดียว เพื่อยังอัตภาพแค่พออยู่ได้เท่านั้น

เขาจะขอเอาทุกข์ทั้งหลาย นำมากำหนดรู้ไว้ ว่าเกิดมาใหม่ จะกี่ครั้งแค่ไหน ใจมันก็จะเป็นทุกข์เพราะมีผัสสะ ที่ชอบใจและไม่ชอบใจเป็นเหตุ

นี่ นั่งฝันว่าได้คุยกับพระที่เป็นอาบัง ในสถานพุทธคยา

ก็เดี๋ยวนี้ เขาไม่เอาทุกข์มากำหนดรู้ เขาเอาทุกข์มาเป็นกู

เกิดมาชาตินี้ กูก็ลยมีทุกข์แม่งทุกเรื่อง

นี่ ไม่เอาทุกข์มากำหนดรู้เพื่อพิจารณา

ว่างอีกหน่อย เขากำลังขนปูนกัน เราแอบมานั่งโม้กัน ไม่ค่อยจะเอาเปรียบเขาเลย

ข้านี่ไปอินเดียช่วงต้นเดือนมกราคม นี่จะไปอีกครั้งปี 59 ใครอยากไปมั่งก็แจ้งชื่อไว้ แต่ต้องมาหาข้าก่อน

เพราะจริตข้ามันแปลกคน รับไม่ได้นินทาในใจเดี๋ยวจะเป็นกรรม

ค่าใช้จ่าย 33,000 เก็บตังค์หมื่นหนึ่งเดือนมกราคมนี้

คนมากันเพียบเลย ขอหยุดแค่นี้ก่อน

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ธุดงค์กับการใส่ผ้า บังสกุล ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง