ตัวแทนแห่งองค์พระปฐม

ตัวแทนแห่งองค์พระปฐม

433
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณ ทุกคน ขอให้เจริญและร่ำรวยๆๆๆๆๆๆๆ ที่นี่.. โหลดยังไม่เสร็จ พวกมาหวัดดีกันหลายคนแล้ว เหอๆๆ

เราคุยกันทุกวัน หากว่าง เรื่องราวต่างๆ ก็มีหลากหลาย

หากเอาแต่ ธรรมเพื่อความหลุดพ้น เราก็เอียนกันตาย

โน่นมั่งนี่มั่ง แล้วแต่ผัสสะมันพาไป คุยๆ กันแบบพี่น้อง

ว่างช่วงนี้มีอะไรต้องรีบถาม เพราะเดี๋ยวต้องไปตัดเหล็กอีก วันนี้ผูกฐานใหญ่

ตัวแทนแห่งองค์พระปฐม

<<พระอาจารย์ : พระพุทธเจ้า ” สมเด็จองค์ปฐม ” เป็นชื่อเรียกพระนามของ พระพุทธเจ้าองค์แรกน่ะ เสม

แต่เจตนาคำว่าองค์แรกนี่ บางทีก็มั่วๆ ได้เหมือนกัน

หากเป็นพระปฐมแห่งมหากัปป์นี้ ก็คือ พระพุทธะ กกุสันธะ

หากเป็นพระองค์แรก แห่งนามพระพุทธเจ้า ก็ทรงพระนามว่า พระสิกขี

นี่.. หลวงพ่อฤษีท่านบอก แต่หากเป็นตำราบอก นี่.. ก็เป็นอีกชื่อหนึ่ง ชื่อว่า พระพุทธ อะรูมิไร

คือพระพุทธอะไรไม่รู้ ญาณไปไม่ถึง เดี๋ยวมั่วอีกโจทย์ข้ายิ่งเยอะๆ อยู่

เราได้รับธรรมของพระพุทธ สมณโคดม คือพระพุทธเจ้าในองค์ปัจจุบัน ธรรมนี้เป็นสัญญาธรรมที่ทรงตรัสรู้เร็ว

องค์พระปฐมเป็น “.. วิริยะธิกะ ..” ที่หลวงพ่อฤษีชื่นชม เพราะน้อมในความเพียรของผู้มีปัญญาคนแรก แห่งมวลมนุษยชาติ

แต่คำชี้ทั้งหลาย ที่เราเรียนรู้ เป็นของ องค์ปัจจุบัน และองค์ปัจจุบันเป็นพระบรมครูเหนือเศียรเกล้า

ส่วนในปัจจุบันที่มีการเชิดชูองค์พระปฐม ไม่มีใครทราบเหตุอย่างหลวงพ่อฤษี

เป็นการหาตังค์และศรัทธาจากค่านิยมหลงๆ มากกว่า

ธรรมแห่งพระพุทธบรมครูยังแผ่สัจธรรมก้องอยู่ ธรรมเหล่าอื่น.. เป็นอากาศ มีโสตก็ไร้เสียง..

เราทั้งหลาย นับถือตุ๊กตามากกว่าพระธรรม ขอแค่เอาตุ๊กตามาเป็นที่ตั้งแห่งใจก็พอ แต่อย่าเอามายึดเพื่อให้เกิดความมั่งมีศรีสุขดั่งโฆษณาเลย วัตถุจะทำให้โง่เสียเปล่า..

>>ลูกศิษย์ : กราบพระอาจารย์ครับ ไปทำบุญหวังชาติหน้า มันไม่มีประโยชน์เพราะคาดหวังไม่ได้ นิพพานในอัตภาพนี้ให้จบ ดีที่สุด… แต่ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมคนจำนวนมาก ก็ยังคิดจะไปเกิดภพหน้าอีก?

<<พระอาจารย์ : เออๆๆๆ เราจะเอาความรู้สึกเราไปยัดเยียดให้ใครนี่ ไม่ได้

หากใครไม่เห็นพ้องต้องใจเราจะไปบอกเขาโง่ก็ไม่ได้

ภูมิปัญญามันมีต่างกัน ของใครของมัน

ธรรมที่ได้กล่าวๆ ไปนี่ เรากล่าวโดยธรรม ว่าธรรมดา คนเรามักเป็นเช่นนี้ๆๆๆๆ

พออ่านแลัวสะดุ้ง กลับกลายเป็นว่าข้านี้ด่าเขาว่าเขา นี่ มันเป็นซะแบบนี้

การกล่าวไปตามธรรม บางครั้งก็มีคู่กรณี แต่ธรรมที่กล่าวออกไป ไม่ได้ตำหนิคู่กรณี

แต่ชี้ให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มันเป็นของมันอย่างนี้ แม้แต่คู่กรณีก็เหมือนกัน หากเป็นเช่นนี้

นี่..นัยยะธรรมมันมีมาอย่างนี้ พอเราเป็น มันก็เลยรู้สึกว่าโดน

ว่าข้านี่ตำหนิติเตียน กล่าวร้ายว่าคนนั้นว่าคนนี้

นี่..กิเลสมันร้อน กิเลสมันสะดุ้งมันสะเทือน

ไม่ย้อนกลับมาดูใจตน ว่าทำไมตนถึงเดือดร้อนใจอย่างนี้

นี่..ธรรมชาติตนแห่งคนผู้มีกิเลส

ทั้งพระทั้งโยม ต่างมีกิเลสเสมอกัน พวกพระนี่ ยิ่งสะดุ้งหนัก

แต่ถ้าใจเป็นพระ มันไม่สะดุ้ง ที่สะดุ้ง นี่เพราะใจมันเป็นเปรต.. แต่เจ้าของมันไม่รู้ตัว..

ยิ่งพวกเรียนธรรมยึดธรรมนี่ เห็นอักษรหรือความหมายผิดไปจากที่ตนเองจำมาละก็ สะดุ้งเชียว

ไม่ฟังไม่พิจารณาข้อความในความหมายให้ดี ฝีโง่แตกซ่านทนไม่ได้

นี่.เหตุเพราะยึดของตนถูกคนอื่นผิด ไม่เคยคิดพิจารณาว่า ไอ้ที่รู้ มันรู้มาจากจำมาอ่านมา

ไม่ได้รู้เพราะการนำเอามาวินิจฉัยให้เห็นความเป็นธรรมดา

ยึดได้ก็ต้องวางต้องถอดถอนได้ นี่ซิถึงจะเรียกว่าปราชญ์

ไม่ใช่ไปประกาศกู่ร้องคนนั้นคนนี้เลว แต่เจ้าดีและถูกไปซะหมด นี่..ถ้าเป็นเปรตมันก็เปรตชั้นเลว แผ่ส่วนบุญให้มันก็ไม่รับ เปรตเช่นนี้ก็มีเหมือนกัน ความอาฆาตมันรุนแรง..

****************************

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง จำนวนปีแห่งกาล…..ถามตอบ
ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง