กล่าวถึง อวิชาอย่างป่าๆ

กล่าวถึง อวิชาอย่างป่าๆ

666
0
แบ่งปัน

*** “กล่าวถึง อวิชาอย่างป่าๆ” ***

มานั่งคุยกันเฉพาะหน้าความรู้ทั้งหลายที่พวกเรารู้นั้นมันจะคลายตัวเมื่อได้เจอธรรมแห่งมุตโตทัย

คุยกันด้วยปฏิภาณแห่งธรรมมันจะอิ่มเอิบใจกับคุยด้วยความเข้าใจจากการจำแล้วตีเอานี่..แตกต่างกันโข

มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนมาพิสูจน์ธรรมแห่งตน ว่าที่เข้าใจว่าที่รู้ๆ มามันเกิดจากใจที่เป็นสัจธรรมรึเปล่า

มาซิยินดีต้อนรับ ข้าจะเป็นหินคอยลับใบมีดแห่งปัญญาให้เอง

ขอให้น้องๆ หรือพี่ๆ ได้ยื่นคมลงมาลองเถอะ จะเป็นประโยชน์แห่งความคมแห่งปัญญาเรา

มีดชั้นดีที่แสนคมไฉนเลย จะรู้ว่าคมจริงหากไม่ทดสอบคม

คมด้วยเครื่องลองคมแค่เปลือกกล้วย มันยังพิสูจน์คมไม่ได้

คมด้วยเครื่องลองคมที่เป็นแก่นแข็งนี่ซิ จึงจะรู้ชัดว่ามันคมหรือไม่คม

ก่อนที่เครื่องลองคมชิ้นนี้จะสลายไป ขอให้ความคมทั้งหลายได้มาลองคมและลับความคมให้มันคมยิ่งๆ ขึ้นไป

ข้านี่..ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทั้งหลาย ได้มีความคมประจำตัวด้วยกันทุกคน

ศิษย์ถาม : กฎของธรรมชาติกฎของอิทัปปัจจยตา กฎนี้มาก่อนอวิชชาใช่เปล่าค่ะอาจารย์

พระอาจารย์ : ทรงพล บุญเกตุ… กฎแห่งอิทัปปัจจยตามีมาก่อนอวิชาและอวิชาอาศัยกฎนี้ สืบเนื่องมาเป็นครรลองแห่งกระแสปฏิจจสมุปบาท

กฎทั้งหลายเหล่านี้ในตำรา เป็นแค่เพียงนิยาม

นิยามเหล่านี้ ต้องอาศัยผู้รู้จริงมาอธิบาย

การอธิบาย มันมีภาวะแห่งกาลคั่นอยู่

หากไล่กันตามแบบแผนแห่งตำราเราก็จะว่ากันแบบวนเวียนอยู่ในวังวนเรื่องราวแห่งวัฏฏะ

มันออกจากกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทไม่ได้ วงล้อปฏิจจสมุปบาทมันวนเข้าและออกการออกนี่ต้องทวนและตีอวิชาให้แตก

อวิชาเป็นประตูเข้าและออกแห่งปฏิจจสมุปบาท หากออกจากอวิชาไม่ได้มันก็จะไหลเป็นกระแสแห่งวัฏฏะ

เพราะกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท มันเป็นอาการแห่ง อวิชา

อวิชาอาศัยปฏิจจสมุปบาทเกิด ปฏิจจสมุปบาทอาศัยอิธทัปปัจจยตาเกิด

อิธทัปปัจจยตาอาศัยอริยสัจเกิด อริยสัจอาศัยไตรลักษณ์เกิด

ไตรลักษณ์อาศัยสังขารเกิด สังขารอาศัยนามรูปเกิด

นามรูปอาศัยวิญญาณเกิด วิญญาณอาศัยจิตสังขารเกิด

จิตสังขารอาศัยอวิชาเกิด

เมื่อทวนอีกรอบกาล.. อวิชาอาศัยตัณหาที่ผุดขึ้นมาจากใจไม่รู้จบเป็นแหล่งเกิด

ตัณหาที่ผุดขึ้นมาอาศัยเวทนาเกิด เวทนาอาศัยผัสสะเกิด

ผัสสะอาศัยสฬายตนะเกิด สฬายตนะอาศัยนามรูปเกิดฯลฯ

นี่..ถ้าไล่ไปตามนิยามมันก็จะวนเวียนต่อกันไม่รู้จบ

หาเหตุที่สิ้นสุดและเริ่มต้นไม่ได้ อาการเหล่านี้ เป็นอาการแห่งอวิชาทั้งสิ้น

เพราะอวิชามีสิ่งเหล่านี้จึงมี เพราะสิ่งเหล่านี้มี อวิชาจึงมีเช่นกัน..

ศิษย์ถาม : กราบนมัสการคือใจมันรู้ทั้งขบวนการของอวิชา ว่าเหตุทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเเละผลที่เราเวียนว่ายภพชาติซ้ำซากๆ นับไม่ถ้วนก็เกิดจากอำนาจสัญญาวิบากมันเลยเกิดในสมมุตินี้จนรู้สึกเบื่อมันว่ามันไม่มีจริง พอมันเข้าใจทั้งขบวนการของอวิชาจิตมันก็ไม่ยึดสมมุติ อวิชานี้มันก็ค่อยๆ คลายเองใช่มั้ยครับพระอาจารย์

พระอาจารย์ : ชโย จึงตั้งธรรม อวิชาไม่มีการคลายตัวที่เข้าใจว่าคลายตัวคือความเข้าใจในอวิชาว่ามันเป็นของมันเช่นนั้นเอง

ความไม่รู้นี่..เราเรียกอวิชา

แต่ความไม่รู้นี่ มันเป็นเราเข้าไปเป็นเจ้าของในความไม่รู้

อย่างนี้เรียกว่าความโง่ ความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ชัด จะเรียกว่าอวิชาตามความหมายก็ไม่ถูก

คำว่าอวิชานี้ มันเป็นอาการของจิตที่โดนย้อมโดยใจด้วยความหลง มันเป็นธรรมชาติแห่งโปรแกรมจิตที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

อวิชานี่ ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่เราคิดว่าเราเป็นเจ้าของความไม่รู้มันเป็นโปรแกรมสมมุติแห่งอวิชา

ส่วนความไม่รู้ที่เราเข้าใจๆ กันนั้นมันเป็นเรื่องของโลกที่มีเรา เป็นเจ้าของไม่รู้

ส่วนความไม่รู้แห่ง อวิชามันเป็นเรื่องของกระบวนการแห่งใจ ที่เป็นผลเข้าไปย้อมจิต อาศัยผัสสะทางอายตนะเป็นเหตุ การดำเนินจิตไม่แจ้งออกจากวัฏฏะไม่ได้ เรียกว่า อวิชา

ที่ท่านว่า เพราะอวิชาเป็นเหตุ จิตสังขารจึงเกิด

เพราะจิตสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงเกิด

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงเกิด

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ จึงเกิด
นี่ เป็นความหลงแห่งใจในกองสังขารที่ได้เข้าไปย้อมจิต เรียกว่าหลง

กระบวนการแห่งความหลงนี้ มันไม่ได้มีเราเข้าไปเป็นเจ้าของ

มันเป็นอาการของจิตที่ดำเนินไปตามกระแส

กระแสนี้มันพาวนเวียนให้วนอยู่ในวัฏฏะ

อาการเช่นนี้มีเหตุมาจากอาการกระแสที่เรียกว่า อวิชา

อวิชาตัวนี้ ไม่ใช่ความไม่รู้หรือความโง่เง่าแห่งเราที่มีตัวกูเป็นเจ้าของแล้วให้นิยามกัน

ศิษย์ถาม : เป็นอย่างนี้ใช่ไหมคับ พระอาจารย์

การไหลไป,ไม่เที่ยง (อนิจจตา)
ทนสภาพเดิมไม่ได้ (ทุกขตา) ไม่เป็นของผู้ใด (อนัตตา)
เป็นไปตามธรรมดา (ธัมมนิยามตา)
อยู่โดยธรรมดา (ธัมมัฏฐิตตา) ไม่ผิดจากความเป็นอย่างนั้น (อวิตถตา)
ไม่เป็นโดยประการอื่น (อนัญญถตา)
เหตุ-ปัจจัย (อิทัปปัจจยตา)
ว่างจากตัวตน (สุญญตา)
เป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา)
อย่าขาดจากสิ่งใดๆ (อตัมมยตา)

นี้คือแรงเหวี่ยงภาษาชาวบ้าน อิอิ

พระอาจารย์ตอบ : นักรบ แห่งกองทัพธรรม…ที่นักรบนำมาแสดงนั้น มันเป็นชื่อเรียกของอาการ

การเข้าสู่นิพพาน ไม่จำเป็นต้องไล่เรียงไล่เบี้ยกันแบบนี้

ไม่เข้าใจในอาการแห่งปฏิจจสมุปบาทเลย ก็บรรลุเข้าสู่นิพพานได้

ไม่รู้เรื่องอริยสัจ ไตรลักษณ์ อิทัปปัจจยตา หรืออะไรต่อมิอะไร ก็เข้าสู่นิพพานได้

อาการทั้งหลายเหล่านี้ ที่ผู้รู้ท่านชี้ ท่านชี้มาจากเหตุที่ได้บรรลุมาก่อนทั้งสิ้น

บรรลุแล้วจึงมาให้นิยามบัญญัติว่ามันเป็นเช่นนี้ๆๆ

ส่วนพวกเรา มันเข้าใจจากการชี้ ว่าเป็นเช่นนี้ๆๆๆๆ ก่อนที่จะบรรลุเหมือนกับเขา

ธรรมทั้งหลายจากผู้รู้และจากที่เรารู้มันจึงสวนทางกัน

ท่านรู้แล้วจึงมาอธิบาย

ส่วนของพวกเรา พากันอธิบายก่อนที่จะเข้าไปรู้

ศิษย์ถาม : กราบสาธุครับ เราต้องพิจารณาจุดไหนครับ ที่เราถึงจะรู้โดยไม่ใช่สมมุติให้มันเเจ้ง
เเก่ใจเป็นวิมุติผมรู้เเต่ว่าเบื่อๆ กับการเกิดเเละทุกๆ อย่างมันซ้ำซากไม่มีอยู่จริงครับพระอาจารย์

พระอาจารย์ตอบ : ชโย จึงตั้งธรรม..

การพิจารณา มันอาศัยภาชนะที่มันขยายโดยการโยนิโสบ่อยๆ

เราจะพิจารณาแค่ไหนมันก็บรรลุไม่ได้หากยังไม่ได้รอบของมัน

การแจ้งแก่ใจเป็นวิมุติ มันอาศัยเหตุปัจจัยซึ่งมันหลากหลายในแต่ละจริต

อันคำว่าตัวเรานี้ มันเป็นแค่โปรแกรมหนึ่งของจิตที่มีหน้าที่รักษาดูแลรูป

หากเราเอาสติและปัญญาเข้าไปสอดส่องในความเป็นตัวเรา

อาศัยกระบวนการแห่งธรรมที่เรียกว่า โพชฌงค์กระบวนการนั้นเป็นกระบวนการแห่งการตรัสรู้แห่งธรรม พวกนักธรรมบางคนบอกว่าโพชฌงค์เป็นบทสวดรักษาไข้ไปโน่น

เมื่อแจ้งในธรรมแห่งกระบวนการแห่งโพชฌงค์ การคลายในสมมุติอันเป็นอุเบกขาก็จะเกิด

ตรงนี้เรียกว่า วิมุตติญาณ

นี่..หากอธิบายด้วยภาษาเหล่านี้ เราก็จะไม่เข้าใจแต่ที่อธิบายมาให้พอรู้เห็นช่องทางนี้

ก็เพื่อให้พอรู้ว่า แม้เป็นธรรมจากป่าก็รู้และเข้าใจในธรรมแห่งภาษาที่เขาเรียนๆ รู้กัน

เพียงแต่แสดงภาษากันแล้ว มันจะฟังธรรมกันไม่รู้เรื่อง

หากอยากฟังธรรมแห่งการพ้นทุกข์จริงๆ ต้องมานั่งฟังกันเฉพาะหน้าแล้วตั้งปัญหามา

การอธิบายในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาทั้งๆ ที่มันก็แสดงตัวอยู่เบื้องหน้า

เราก็จะได้เห็นตัวมันด้วยการยืนยัน จากใจเราเอง

มีโอกาสก็มา ก่อนที่ชีวาดวงนี้จะวางวาย เวลามีไม่มากนัก

เต็มใจที่จะอธิบายทุกคำถามและทุกคำถามจะสิ้นข้อสงสัยหากคนถาม..มีปัญญา

วันนี้ดึกมากแล้ว เพิ่งมาถึงเกาะวันนี้จึงว่างได้มาคุยกัน

คืนนี้ขอสาธุคุณกับทุกท่าน และต้องขอโทษที่ตอบคำถามไม่ทั่วทุกคน

มีอะไรก็คุยกันเข้ามา ธรรมกะ ยินดีตอบและต้อนรับ

ขอสาธุคุณให้เจริญและมีดวงตาเห็นธรรมกันทุกคน

อ้อ..เหตุแห่ง อวิชา ใครอยากรู้มานั่งฟังและตั้งคำถามเฉพาะหน้า

ข้าจะสาธยายให้ฟังและที่เข้าใจกันว่า สมมุติเป็นเหตุแห่งอวิชา

ขอตอบว่า นั่นมันเป็นความเข้าใจในกระแสแห่งวัฏฏะสังขาร

สมมุติมีได้ เพราะอาศัย อวิชา

ไม่ใช่อวิชามีได้ เพราะอาศัยสมมุติ

เพราะสมมุติเป็นอัตตา ที่เกิดจากอนัตตา

อนัตตาคือความไม่มีที่มีเกิดจากเหตุปัจจัยแห่งอวิชา ที่ให้สมมุตินิยามบัญญัติขึ้นมา

อวิชามี อัตตาก็เลยมี

ฉะนั้น เหตุแห่ง อวิชาไม่ใช่สมมุติ..

พระธรรม เทศนา ถาม-ตอบ จากคอมเม้นต์ เรื่อง หาเหตุของอวิชาหน่อยซิ…..อะไรคือเหตุแห่งอวิชา

****************************
พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
9 ธันวาคม 2557