ชดใช้ให้แผ่นดิน เพื่อการเอาออก..

ชดใช้ให้แผ่นดิน เพื่อการเอาออก..

586
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณยามเช้า ขอให้ร่ำรวยและเจริญๆๆๆ กันทุกคน

ที่นี่อากาศเย็น และมีลมแห้งๆ แสนสดชื่น ใครมานอนดูดาว รับอากาศเย็นๆ จะมีความสุขใจ..

อ้อ..มาช่วยขนหินทรายเทฐานองค์พระด้วย

ในภาพเป็นท่านมหากำลังแบกปูน ชดใช้แผ่นดิน.. บวชมานาน เอาผัสสะแห่งกายเข้าไปวางอุบายจิตมันซะบ้าง

อยากเกิดมาอีกไม๊ .. ? เกิดอีกมาแบกอีกจะเอาไหม..?

แต่ละก้าวที่ย่างเดิน มันสาหัสทีเดียว..

แม้ตัวเล็กแต่ใจเด็ดเดี่ยว ขบเคี้ยวข้าวชาวบ้านมานาน ได้ออกกำลังซะบ้าง แสนภูมิใจ..

ธรรมชาติของมนุษย์เรานี่ ติดกับความสบาย ฝึกก็ฝึกแบบสบายๆ มันไม่ถึงทิฏฐิจิต

เมื่อสบายๆ ใจมันก็โดนย้อมด้วยความสบายๆ

เมื่อกายโดนผัสสะหนักๆ กิเลสมันก็จะไม่เอา มันไม่ชอบ

มันชอบอ้าง สารพัดจะอ้าง อ้างเพื่อที่จะอยู่แบบสบายๆ

“.. ไม่เคยลงนรก ไฉนเลยจะรู้ว่าสวรรค์สุข

ไม่ยอมทุกข์ สุขแบบหลอกๆ น่าภูมิใจตรงไหน ..”

สมัยหนึ่ง.. ข้านี้ขึ้นไปอยู่บนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไปตีนเปล่า ไปอยู่ผู้เดียว

ว่าไม่กลัว มันก็กลัว ว่าไม่กังวลมันก็กังวล นี่… ธรรมชาติของมัน

หิวก็กินใบไม้ อยู่กันเป็นเดือนๆ ไม่ต้องนั่งสมาธิ มันก็เป็นสมาธิ เดินจากต้นไม้โน้น มาต้นไม้นี่ มันก็เป็นสมาธิ

จะเหลียวซ้ายมองขวา มันก็รู้ตัวตนตลอด ใจมันตามรู้ตลอด ใจมันอ่านกาย อ่านใจ อ่านความคิด อ่านความเคลื่อนไหว ด้วยตัวมันเอง

เมื่อไม่ผัสสะต่อผู้คน ใจที่ฝึกดีแล้วมันก็อ่านใจมันเอง มันจะเห็นชัดถึงความจริงแห่งเรือนกาย ที่เรามันเข้าไปเป็นเจ้าของ

มันจะเห็นความโง่ของเจ้าของ ที่ยึดเอาสิ่งสกปรกและความมากเรื่อง แห่งความเป็นเจ้าของความคิด ว่าเป็นตัวเรา

กายที่ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้แปรงฟัน ไม่ได้มีกิน ไม่ได้มีที่นอนอันสุขสบาย

จริงๆ แล้วมันก็อยู่ของมันได้ หิวจัดๆ ขึ้นมา อะไรรอบกายมันก็กินได้ทั้งนั้น มันไม่เลือก..

เมื่อไม่เลือก ไม่ต้องตั้งท่า ไม่ต้องมีมายาต่อใคร ใจมันก็เห็นชัดด้วยปัญญา

ว่าที่แล้วๆ มา ใจมันหลงอาการที่เราย้อมให้สบายด้วยความเคยชิน

ความเคยชินแห่งความสบาย มันแกะออกจากใจยากพี่น้องเอ๋ย..

พอมาอยู่คนเดียวในป่า เมื่อได้สอดส่องลงไปด้วยสติและปัญญา

มันก็เลยเห็นได้ชัด การเห็นได้ชัด ว่าใจคนเรามันเป็นอย่างไร

มันก็ต้องหาลู่ทางแห่งการถอดถอน

การถอดถอน ก็คือ การทวนกระแสใจ ฝืนไว้อย่าให้มันไหลไปตามกระแสใจ

ใจที่ได้ทวนกระแสใจบ่อยๆ ไอ้ที่ว่าหนัก มันก็เลยง่ายขึ้น

มันเคยชินกับการไหลทวน เมื่อไหลทวน มันก็มองเห็นความผ่องใสแห่งใจที่มันเกิด

มันเห็นได้ว่า ใจดวงนี้ มันอาศัยเหตุปัจจัยเกิด มันไม่ได้เกิดมาจาก ความอยากเพื่อให้ได้ดั่งใจ ของผู้เป็นเจ้าของใจ

ผู้เป็นเจ้าของใจนี้ ไม่มี ที่มีมันหลงเพราะโดนย้อมจนกลายเป็นกิเลส..

และกิเลสนี้ดันเป็นเราที่เข้าไปเป็นเจ้าของซะด้วย เราจึงเป็นเจ้าของใจที่ดำเนินไปภายใต้ใจที่เต็มไปด้วยกิเลส..

การถอดถอนกิเลส มันต้องใช้มหาสติมหาปัญญาถอดถอน

แต่การจะมีมหาสติมหาปัญญาถอดถอน มันก็ต้องเริ่มที่จะไหลย้อนกระแสแห่งความอยากทั้งหลาย

ความอยากนี้คือ ตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ จากใจดวงนี้เป็นต้นเหตุ

และเหตุนี้มันก็ต้องมีของมันซะด้วย ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่นี่

การถอดถอนก็เริ่มจากใช้กำลังใจ ลด ละ เลิก ความอยากแห่งใจที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จักจบนี้ ให้มันพอทุเลาเบาบางจางคลายลง นี่..เรียกว่าใจมันได้เดินทางแห่งหนทางมรรคแล้ว

ทวนใจมัน ย้อมใจมันด้วยสติที่เจือด้วยปัญญา ทวนทุกวัน ย้อมทุกวัน เรียกว่า การหักห้ามใจตนเองในบางเรื่องนี่แหละ

ในไม่ช้า เมื่อใจมันเริ่มชิน มันก็พอมีกำลังที่จะต้านการไหลของกิเลสใจ พอได้บ้าง

อย่างน้อยๆ ไอ้ลูกกระจ๊อกๆ ของกิเลส ก็ยังพอฟัดมันได้บ้าง..

ไม่ใช่แค่อะไรนิดหน่อย ใจก็พ่ายแพ้ไปซะแล้ว

ฝึกย้อมฝึกทวนใจ และรู้จักหักห้ามใจ สมุทัยทั้งหลาย มันก็จะบางเบา

เหตุมันบางเบา ความทุกข์ใจทั้งหลาย มันก็บางเบาเช่นกัน

สะสมใจเช่นนี้ไป ไม่ช้านานมันก็กลายเป็นมหา

มันจะเกิดเป็นมหาสติมหาปัญญา ทั้งหลายเหล่านี้ เราเริ่มต้นที่การ ให้ทาน..

คำว่าทานนี้ มันเป็นการสละเอาออกไปจากความตระหนี่แห่งหัวใจ

ในที่สละได้ จะเป็นทานทางใด ย่อมเป็นใจที่ตั้งต้นมุ่งไปสู่ความพ้นทุกข์ทั้งสิ้น

เรา..ฝึกใจที่จะสละออกกันได้บ้างรึยัง..?? ถ้ายัง..ต้องหัดหักห้ามใจ อย่าเอาเป็นใจที่เห็นแก่เอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เท่านั้นพอ…

เช้านี้ขอสวัสดี ต้องขึ้นไปทำงานชดใช้แผ่นดินอีก เอาของแผ่นดินมามาก ได้ชดใช้ซะบ้าง..แสนภูมิใจ… !!!

***************************

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ย้อมกำลังให้จิตด้วยกุศล.. เพื่อไปสว่าง
ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง