ย้อมกำลังให้จิตด้วยกุศล.. เพื่อไปสว่าง

ย้อมกำลังให้จิตด้วยกุศล.. เพื่อไปสว่าง

920
0
แบ่งปัน

หวัดดียามค่ำ … เป็นไงหนาวไหม …

>>ร้อนค่ะ
>>ร้อนตับแลบครับ

ที่นี่ยามเช้าหนาวโคตร … ร้อนก็มาขุดดินที่นี่ …ยินดีต้อนรับนักขุดดิน ขุดเอากิเลสออกซะบ้าง กายใจจะได้เบา ใจจะได้มีกำลัง

งั้นวันนี้ ข้าจะคุยเรื่องกำลังจิตให้ฟัง ดีไหม ..??? กำลังจิตก่อนจะตาย .. เพราะยังไงทุกคนก็ต้องตาย

>>ดีค่ะ ฟังค่ะ
>>ฟังๆๆๆ จ้า

คนเรานั้น มันก็เหมือนน้ำใสๆ แก้วหนึ่ง ทีนี้ … น้ำใสๆ แก้วนี้ ตั้งแต่เกิด มันก็โดนย้อมอยู่ทุกวันๆๆ สารพัดสีที่เราย้อมเข้าไป และถูกใครๆ เขาย้อมให้เรา

น้ำใสๆ ที่ถูกย้อม เราจะแก้สีที่มาโดนย้อมได้อย่างไรให้มันกลับไปเป็นน้ำใสๆ ..??

การย้อมเมื่อโดนบ่อยๆ มันก็เป็นอุปาทานที่เคยชินและแกะออกยาก ใจมันไปเป็นเจ้าของสีย้อมที่ดูน่าสวยงาม มันลุ่มหลงและยึดไม่ยอมวาง ในสิ่งที่มันมี ..

ทีนี้ … การที่ใจโดนย้อมซะจนไม่เหลือความใส เราจะทำไง ..?? กับใจที่มันเป็นสี ..

สีแห่งใจนี้ เรามีได้หลายวิธี ที่จะแก้ไขและฟอกสี ไม่ให้มันเน่าเหม็นจนใช้งานการไม่ได้ สิ่งนั้นก็คือ “.. กุศลจิต ..”

ทำอย่างไรจึงจะเป็นใจที่เป็นกุศลจิต ..? กุศลจิตทำได้โดย “การให้ทาน”

ทานในที่นี้ มันก็มีหลากหลาย แต่เริ่มต้นที่ใจ.. สละในวัตถุทาน นี่..จุดเริ่มต้นแห่งการย้อมและฟอกใจ ให้เป็นใจที่มีกุศล

ข้าเองนี้มักจะบอกกับท่านมหาว่า …

ท่านมหา การบวชนี้ ก็เป็นทาน เราต้องยอมสละความสุข อย่างโลกที่เราเคยมี มาจมอยู่ในเขตสีแห่งเพศนักบวช เราได้ทำทานอยู่ทุกวัน ขอให้เราภูมิใจในทานแห่งการสละชีวิตเข้ามาบวช..

การได้ทำทานอยู่ทุกวัน จะช่วยให้ใจดวงนี้ เป็นใจที่เป็นกุศลจิตได้ .. หากเราบวชแล้วกระทำอย่างผู้มีปัญญา

เราบวชมาแล้ว จะด้วยเหตุผลอันใดก็แล้วแต่.. แต่ตอนนี้ ถือว่าเราได้สละออกมาจากเรือนอันเป็นที่รักยิ่งของเราแล้ว

เราพึงทำให้ดีที่สุด… ความดีที่สุดที่จะเป็น วิหารธรรมแห่งใจก็คือ “.. ทาน ..”

เราทำทาน ให้กับชาวโลกเขาทุกวัน .. นอกจากการกระทำทางจิต ทางกายที่เราต้องใช้กำลัง เราก็ทำ..

การใช้กำลังเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน … จะทำให้เรา เห็นธรรมแห่งความหลุดพ้นได้ง่าย มันเห็นความจริงได้ง่าย กว่ามานั่งหลับตาแล้วคิดเอา

ข้านี่..นั่งหลับตามายาวนาน สิ่งที่ได้เป็นเรื่องของกำลังจิต และการปรุงแต่งทางจิต ไม่ค่อยได้เรื่องปัญญา และรู้ทางกำลังจิตอีกว่า จิตดวงนี้ เคยกระทำเช่นนี้ หลายๆล้านชาติ มันก็ยังไม่ก้าวพ้น

ใจที่เป็นทานจนเคยชินเป็นปกติ เมื่อได้รับการอบรมทางปัญญาเข้าไปเสริม ใจดวงนี้จะมีกำลังที่จะออกจากทางแห่งความมืดได้ง่าย..

วันหนึ่ง… เมื่อถึงที่สุดแห่งกำลังจิตที่จะครองกาย ไม่ว่าจะโดนทำลายร่างกาย หรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บ หรือจะแก่เฒ่าเข้าชราที่จะต้องจาก

กำลังใจช่วงนี้ มันจะอ่อน ยามที่กายจะแตกสลาย จิตมันจะอ่อนแอ มันอ่อนกำลังที่จะต้านทานต่อสิ่งใดๆ

แม้แต่เรือนกาย มันก็ไม่สามารถทรงตัวไว้ได้ จะพูดจะบอกจะยกมือยกแขน มันก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะไปบังคับ นี่..ตรงนี้คนกำลังจะตาย

เมื่อกำลังจะตาย กำลังแห่งจิต มันก็อ่อนแอ เมื่ออ่อนแอ มันก็จำเป็นต้องมีที่เกาะ หากกำลังใจที่เหลือ เป็นอกุศล มันก็จะดิ่งไปมืด

หากกำลังใจที่เป็นกุศล มันก็จะพุ่งไปทางแห่งแสงสว่าง ตัวเราในความเป็นเจ้าของ จะมาคิดเอาไม่ได้ ความเป็นเจ้าของตัวเรา มันเป็นแค่โปรแกรมความคิด

มันเป็นแค่อากาศ ที่ไร้กำลังจะไปบังคับอะไรต่อความเป็นไปแห่งตัวเรา ไม่ได้เลย มันมีวิบากเป็นเครื่องดำเนิน ไปตามจุดหมายที่โดนย้อมใจมา

หากเรายึดกับวัตถุ อย่างเช่น องค์พระที่เรารักและเราชอบ การมีองค์พระสวยๆ อย่างพระควอตซ์.. หากไม่ได้รับการอบรมใจ

ไม่มีผู้ทรงคุณคนไหนชี้… การวางใจในการเป็นเจ้าของ โอกาสที่จิตจะพุ่งไปเกิดเป็นสัตว์… เพื่อรักษาของ มีโอกาสสูงที่จะเป็น …

หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตใจ หากใจหนักมาทางอาฆาตแค้น ไม่ถูกใจอย่างรุนแรง โอกาสจะตกไปเป็น อสูรกาย… ก็มีความเป็นไปได้สูง

หากใจที่ได้รับการอบรมมา ในขณะที่ยังมีกำลัง ฝึกฝนใจยอมรับ ในสรรพสิ่งว่า…

เราต้องจากกันธรรมดา

ไม่ได้ดั่งใจ เป็นธรรมดา

ไม่มีอะไรแน่นอน เป็นธรรมดา

การเกิดมา ก็ต้องเจ็บ ต้องแก่ ต้องตาย เป็นธรรมดา

สร้างภูมิคุ้มกันใจ ยอมรับมันไว้ให้มันเคยชิน และสร้างทานสร้างกุศลใจกันอยู่เนืองๆ วันใดที่กายแตก ใจดวงนี้แม้อ่อนแอแค่ไหน… จะมีสติหรือไม่มีสติ เพียงไร …

ขอให้มั่นใจ ใจดวงนี้ มีที่ยึดเกาะ และไหลมาทางสว่างแน่นอน ขอให้มีที่ตั้งแห่งใจในกุศลทาน

นี่..แม้ใจจะไม่สามารถฟอกให้กลับมาใส ดั่งที่ใจเราต้องการ ยามมีชีวิตอยู่นี้

แต่ใจที่ย้อมมาทางกุศลนี้ ย่อมมีกำลังที่จะเกาะไปตามทางแห่งแสงสว่าง แต่หากกำลังแห่งสติและปัญญามันมี และมาระลึกได้ทันก่อนชีวาวันมลาย

ใจดวงนี้ก็จะกลับมาสดใส ด้วยใจที่เป็นวิมุติได้ ใจที่เป็นวิมุติก่อนกายสลาย ย่อมเป็นผู้ตายก่อนที่กายจะตาย

เมื่อถึงเวลากายสลายหรือที่เรียกว่า “ตาย” เราก็ไม่ตายไปตามกายที่ตายสลายไปตามความเป็นธรรมดา

เพราะเราได้ตายซะก่อนที่กายจะตายไปซะก่อนแล้ว.. ความตายสำหรับใจดวงนี้ กับชาติที่เหลืออยู่นี้ มันจึงไม่มี

ที่มี มันเป็นเรื่องของกาย ไม่ใช่เรื่องของใจที่เข้าใจ ว่าเป็น เราพอเข้าใจกันไหม ..??

พึงยอมรับและทำใจ ให้เป็นกุศลอยู่เนืองๆ ทุกวัน ทำให้มันเคยชิน ใจที่มันเคยชินกับความเป็นกุศล มันเป็นใจที่ไม่มุ่งตรงไปสู่อบาย…

คืนนี้ขอหวัดดีกันเพียงแค่นี้ ขอสาธุคุณ…

***************************
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 17 พฤจิกายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง