องค์ปฏิมาแห่งพระพุทธองค์

องค์ปฏิมาแห่งพระพุทธองค์

343
0
แบ่งปัน

องค์ปฏิมาแห่งพระพุทธองค์มาๆๆๆ ข้าจะพูดให้ฟังถึงอานิสงส์ของการมีองค์พระ เอาไม๊…

>> ฟังจ้า
>> ฟังครับ

พวกเรามันชาวพุทธ นับถือพระพุทธรูปมายืนยาวช้านาน ใครจะบอกว่ายึดหรืองมงายก็ช่างแม่มัน
ขึ้นชื่อว่าชาวพุทธ เราถือว่า สิ่งนี้เป็นที่ตั้งแห่งใจ การจะยกพระเข้าสู่ดวงใจ กับจะมีเป็นองค์ๆ มองเห็นจับต้องได้ มันก็ไม่แตกต่างกัน คือยึดเหมือนกัน ต่างแค่ทางรูปกับมโนเท่านั้น

พวกเราจะเห็นว่า องค์พระที่ข้าสร้างขึ้นมาก็ดี จะทำก็ดี ที่มีก็ดี

ทุกองค์มีความสวยงาม ใครเห็นก็อยากได้เป็นเจ้าของ เอ๊…ทำไมถึงต้องเป็นองค์พระ..??

ที่จริงองค์พระนี่ ก็เป็นแค่ตุ๊กตาพระพุทธ นี่..โดยความเป็นจริง มันเป็นอย่างนี้ เป็นวัตถุที่ไม่ได้ให้คุณให้โทษใคร ไม่ได้ขลังไม่ได้ศักดิ์อะไร ดั่งใครเขาเข้าใจ

แต่เป็นใจเจ้าของนั่นแหละ… ไปยัดเยียดและไปยึดกันเอาเอง ว่าเป็นเช่นนั้น ว่าเป็นเช่นนี้ หากเราเข้าใจตรงๆ กันแบบนี้ได้

การมีองค์พระซักองค์ ก็จะมีคุณค่าขึ้น เพราะเราไม่ได้หลงงมงาย ในความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ ตามที่เราเข้าใจกัน

“.. เรามีเพราะเราเก็บไว้เป็นที่ตั้งแห่งใจให้กับตัวเรา ..”

… ว่าองค์พระพุทธนี้ มีคุณค่าต่อการระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ คนมีพระไม่ค่อยกล้าจะทำบาป มันมีความละอายใจ หากมีพระสวยๆซักองค์ประจำใจ มันก็เติมเต็มในสิ่งที่พร่องแห่งใจได้อย่างหนึ่ง

ฉะนั้น… องค์พระเราจึงควรเลือกที่มีความประณีตเท่าที่จะมีกำลังจะทำได้ หากจะให้ใคร ก็ควรให้องค์พระที่มีความประณีตและสวยงามเช่นกัน

เรามันชาวพุทธ.. การมีองค์พระประจำใจซักองค์..เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งใจ.. มันจะช่วยให้ภาวะใจของเราอิ่มเอิบ

ใครจะว่ายังไงก็ว่าไป ขอให้เรามีของเราไว้ซักองค์ที่เรารักและภูมิใจ มันจะช่วยให้ เรามีที่ตั้งแห่งใจและชักจูงใจไปทางสว่างได้

สำคัญ.. ขอให้เป็นองค์ที่เรารักเหอะ หลับตาเมื่อไหร่ .. ใจจะเห็นองค์ท่านมาลอยตรงหน้าทีเดียว

ฉะนั้น… ขอให้เราเลือกเฟ้นองค์พระประจำตัวเรา เท่าที่เราพอมีกำลัง และดีที่สุดสำหรับเรา

หากใครมีองค์พระที่เป็นทองคำหรืออัญมณีขนาดซักสามนิ้วซักองค์ องค์พระที่มีค่าและสวยงาม จะทำให้ใจยึดติดกับองค์พระได้ง่าย

แต่ใจที่ “ขาด” การอบรม มันก็จะไหลไปทาง “สมุทัย” คือ ยึดในวัตถุจนหลงใหล ก็จะทุกข์เมื่อยามพราก และหวงแหนในวัตถุอีก มันมีทั้งคุณและโทษต่อใจเราเช่นกัน

แต่ใจที่ “ได้รับ” การอบรม การมีไว้จะช่วยให้ใจ มี “ที่ตั้งแห่งใจ” ที่ไม่ห่างองค์พระ

องค์พระใสๆ ที่เป็นควอตซ์เล็กๆ ซักองค์ ได้มากอดไว้แนบอก ยามต้องลาจาก

ใจที่ได้รับการอบรมใจอย่างดีแล้ว มันจะยังความสว่างขึ้นมาในใจ ยามเมื่อเราต้องพราก จากชีวิตนี้ไป

หรือถึงแม้ไม่มีสติ แต่ใจอันมีที่ตั้ง องค์พระท่านก็จะเกิดอุคนิมิตขึ้นมาในใจเรา เรียกว่า “.. เป็นผู้ที่ยกพระขึ้นมาสู่ใจได้ ..” ใจเช่นนี้ ก็ย่อมไปสว่าง

สำคัญว่า ใจเราต้องได้รับการอบรมอยู่เนืองๆ ว่า…

“.. เราต้องจากเป็นธรรมดา พรากจากกันเป็นธรรมดา..”

เรามีองค์พระสวยๆ เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งใจ เราไม่ได้มีไว้ยึดองค์พระไว้เป็นตัณหา แม้จะหวงแหนองค์พระสวยๆ วันหนึ่งก็ต้องจาก นี่.. เป็นธรรมดา

แต่เมื่อถึงเวลา เราก็สละองค์พระ คืนสู่แผ่นดินไป ด้วยความเต็มใจ นี่..หากเรามีที่สวยๆ ถูกใจเราซักองค์ เราจะรักและมีความสุขกับสิ่งที่มี

คนที่มีความสุข กุศลจิตก็เจริญเติบโต กุศลทั้งหลาย ที่ได้เคยกระทำไว้ ต่างก็ทยอยๆๆ ออกมาให้ผล

เราชาวพุทธ ขอให้มีองค์พระเป็นที่ตั้งแห่งใจกันซักองค์

ขอให้มีซักองค์เถอะ.. ให้มาขึ้นอยู่ในใจของเรา แล้วเราจะภูมิใจ..

ไม่ต้ององค์ใหญ่หรอก แค่สองถึงห้านิ้วก็พอ

สำหรับพวกเรา .. ข้าจะจัดหาให้ เพื่อเป็นพระประจำใจเรา ข้าชอบหิน ข้าก็จะหาหินมาเป็นองค์พระ

หินที่ใสกิ๊ก แกะเป็นองค์พระ ขอซักองค์ เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ชีวิตเรา

วันหนึ่ง…องค์พระที่แสนรัก แสนหวงเมื่อถึงกาลอันสมควร เราชูไว้เหนือเศียรเกล้า อธิษฐานจิตยกถวายองค์พระที่มีค่านี้ต่อใจเรา ถวายยกมอบให้แผ่นดิน ฝากไว้ในเจดีย์
ในองค์พระ ในสถานที่อันเป็นสมควร

เรา..จะภูมิใจในทานอันสูงค่า ที่ใจเราสละได้ยากยิ่ง นี่เป็นกำลังใจแห่งสามีทาน เป็นทานชั้นเลิศ ที่เกิดได้ยาก คุณค่าแห่งการทำ จะทำให้ใจดวงนี้ มีที่ตั้งแห่งใจที่ได้ทำในทานอันสูงสุดต่อใจทีเคยมี

ผลนี้ เป็นการสืบทอดศาสนาให้ยืนยาวไปยังลูกหลาน ไปยังกาลอันยาวนาน เป็นทานแห่งการสร้างเปลือก เพื่อรักษาเนื้อเยื่ออันเป็นสัจธรรมให้ยืนยาวสืบไป

ข้าขอ.. เป็นกำลังใจ คืนนี้ขอหวัดดี

*********************************
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง