วิมานทิพย์…เกิดได้ทั้งๆที่ยังไม่ตาย

วิมานทิพย์…เกิดได้ทั้งๆที่ยังไม่ตาย

997
0
แบ่งปัน

วิมานทิพย์...เกิดได้ทั้งๆที่ยังไม่ตายข้าเล่านิทานอะไรให้ฟังเอาไหม ที่ข้าจะเล่านี้ เป็นเรื่องของกำลังบุญ บุญทำให้เกิดทิพย์วิมาน

เรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องเหนือวิสัย ใครโม้หน่อยมันก็พูดได้ ข้าจึงขอยกไว้เป็นเรื่องของนิทาน เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเห็น พวกตาถั่วมันจ้องที่จะกระทืบได้ นิทานนะนิทาน..

เมื่อวานโน่น ข้านั่งทำสมาธิจิต พอดีกำลังใจมันดี จิตมันรวม เมื่อจิตรวม กำลังแห่งอภิญญามันก็เกิด การเกิดนี้มันบังคับไม่ได้ บทจะเกิด มันก็เกิดของมันไป

คราวนี้ ข้าเองได้พูดคุยกับท่านเบ้ง เกี่ยวกับเรื่อง ผลของบุญ การได้คุยผลตรงนั้น ทำให้ใจหวนกลับมาปรุง ท่านเบ้งเอง ได้มโนยิทธิ ได้ถามข้าว่า พวกทำบุญด้วยกำลังใจใหญ่ จะมีไหมวิมานทิพย์

เพราะท่านเองเชื่อว่ามี แต่มีของท่านกับคนอื่นนี่ ไม่รู้จะเหมือนกันรึเปล่า เพราะท่านก็เชื่อของท่าน จากการฝึกฝนในสายกรรมฐานของหลวงพ่อฤษีลิงดำ

เมื่อจิตข้ามันรวม ใจก็เลยปรุงอยากรู้ผลของบุญที่พวกเราได้ช่วยกันมากระทำ ใจเช่นนี้มันมีกำลัง

ปรากฏว่า…. มีทิพย์วิมานเกิดปรากฏในมโน ข้าเองกำลังมันคงถดถอย เพราะช่วงหลังๆจิตไม่ค่อยรวมบ่อยๆนัก มันก็คงเป็นไปตามเหตุปัจจัย

จึงได้ถามเทวดาไปว่า>>วิมานทิพย์นี้ เป็นของใครหนอ จึงได้สวยงามพรั้งพร้อมนางฟ้านางอัปสรถึงเพียงนี้

นี่ เจตนาจิตมุ่งไปทางวิมานทิพย์ มันก็เห็นก็ปรุงในเรื่องวิมานทิพย์

ท่านเทวดาใจดีตอบว่า ++ เป็นของผู้ติดตามท่านไง

ข้าถามว่า>>ใคร

++ เขาก็สร้างภาพให้ข้าเห็นว่าเป็นของคนๆ นี้

ข้าบอกว่า>>นี่ เขายังไม่เสียชีวิตเลย คนนี้ยังไม่เสียชีวิตเลย มันยังนั่งคุยเพิ่งถวายพระต่อแผ่นดินให้ข้าอยู่เลย จะมีวิมานเป็นที่อยู่ของตนได้ยังไง หรือเขากำลังจะเสียชีวิตแล้ว

ท่านเทวดาบอกว่า ++ วิมานนี้กำลังรอเจ้าของ เป็นสมมุติที่สร้างขึ้นมาจากเหตุปัจจัย คนทั่วไปทั้งหลายมองไม่เห็น และมันไม่มี แต่จริงๆ แห่งเหตุปัจจัยมันมี

นี่…. เป็นผลวิบากทางด้านทิพย์ มันอาศัยวิบากจิตที่เจ้าของได้สร้างกุศลกรรมไว้เป็นเหตุ เหตุนี้เป็นมโนจิตที่คนทั้งหลายยากจะเข้าใจ เหมือนคนตาบอดไม่เข้าใจว่ารูปเกิดจากแสง

ข้ากลับมาตรึกตรองลองย้อนนึก ว่าเหตุแห่งวิมานทิพย์อันสวยงามนี้ มันสร้างเหตุมาจากอะไร เมื่อลองย้อนมองลงไป พระพุทธรูปสวยใสก็ปรากฏขึ้นมาในมโนจิต

พระพุทธรูปนี้ เป็นของใครหนอ ~~ เมื่อสาวผลลงไป ก็เกิดเห็นเทวดาที่เป็นเจ้าของพระพุทธรูปองค์ใส

เทวดาผู้สวยงามนี้ คือใครหนอ ~~ ก็เห็นเป็นน้องคนหนึ่ง ที่ได้มาร่วมกุศลด้วยใจที่ศรัทธา

น้องผู้นี้ ยังไม่ตายนี่ แต่ทำไมถึงเป็นเทวดาได้ จิตก็ตอบออกมาว่า รูปเป็นแค่เครื่องอาศัยของใจที่เป็น “.. เทวตา ..”

นี่…. เป็นใจที่เป็นเทวตานุสติกรรมฐาน คือฐานอันเป็นที่ตั้งแห่งใจอันประเสริฐ กายสลายแตกตายเมื่อไหร่ ใจไปเป็นเทวดา สถิตอยู่ในทิพย์วิมานที่วิบากแห่งตน สร้างไว้ให้ทันที

นี่..เป็นผู้มีใจอันเป็น เทวตานุสติกรรมฐาน อัตภาพนี้ประคองใจได้เช่นนี้ หมดจากอัตภาพนี้ ใจดวงนี้ไม่ลงไปสู่อบายภูมิ

เพราะเนื้อใจภายใน ไม่ใช่สัตว์ อสูรกาย เปรต หรือพวกใจที่นรกมากำเนิดก่อเกิดห่อหุ้มใจ เมื่อย้อนสาวลงไปถึงเหตุแห่งการเกิดใจที่เป็นเทวดา ก็มองเห็นใจขาวสว่างสะอาดตา .. แห่งการสละที่ยิ่งใหญ่ ..

นี่..ผลแห่งทานที่ยิ่งใหญ่ สร้างหัวใจดวงนี้ ให้เป็น “.. เทวดา ..”

เทวดาเกิดขึ้นภายในใจ ตายเมื่อไหร่ มีที่ไปสถิตแห่งภูมิทิพย์วิมาน ทิพย์วิมานนี้ เป็นสมมุติอย่างหนึ่ง ของผู้ซึ่งได้สละทานอันยิ่งใหญ่

ทานนี้ เกิดจากการสละใจ อันเป็นกุศลเข้าไปกระทำบำเพ็ญ เมื่อย้อนเหตุแห่งทานเข้าไปอีก ก็มองเห็นใจที่เป็นเทวดา ยกพระพุทธรูปขึ้นมา ด้วยความยากลำบาก

เมื่อยกขึ้นมาได้แล้วเกิดประกายแวววาว ส่งรัศมีสว่างจ้าเย็นตาครอบทั้งจักรวาล และเทวดาผู้นั้น เปล่งวาจาออกมาจากใจอันเป็นทานว่า….

“.. เราขอมอบถวายพระปฏิมาอันสว่างสวยสดใสนี้ ขอมอบให้กับแผ่นดิน ใจดวงนี้ ขอมอบให้ด้วยความเต็มใจ ปราบปลื้มปิติใจ ที่ยกขึ้นมาได้เท่ากำลังที่ตนมี แล้วมอบถวายให้เลย ..”

นี่.. เป็นการกระทำที่กระทำได้ยากยิ่ง เป็นการกระทำสงครามที่ชนะยากยิ่ง ยิ่งกว่ามหาสงครามใดๆ เพราะต้องตัดใจ เอาสิ่งที่รักยิ่งหวงแหนไว้อย่างที่สุด สละออกจากใจไป

นี่.. ใจอย่างนี้ เป็นใจที่ทำให้เกิด ทิพย์วิมานขึ้นมาภายใน แม้เจ้าของท่านยังไม่ตาย แต่เบื้องหน้าเมื่อกายแตกตาย ท่านก็มีกายแสนสวยและทิพย์วิมานรอท่านอยู่ ในสุขาวดีชั้นภูมิที่ห้า แห่งสวรรค์ชั้นฟ้า

เมื่อถอยกลับออกมา ก็เห็นทิพย์วิมาน เกิดขึ้นเรียงรายน้อยใหญ่ ทิพย์วิมานทั้งหลาย เกิดขึ้นมีขนาดและความแพรวพราวสวยงามไม่เหมือนกัน แต่มีความสวยงามที่เกินบรรยายเหมือนๆ กัน นี่..คงเกิดจากกำลังใจไม่เท่ากัน

เมื่อค่อนรุ่งสาง จึงลืมตาออกมาโมทนาบุญให้กับเหล่าเจ้าของทิพย์วิมาน วันนี้ก็เลยปลื้มปิติใจ ว่าจะทำอย่างไรหนอ.. ?? ที่จะไม่ให้พวกเขา ไปติดค้างอยู่ในวิมานเหล่านี้

มีวิมานน่ะมันดี…. แต่จะบอกยังไงดีให้ใจมันละวิมาน เพราะสิ่งเหล่านี้ทั้งหลาย มันเป็นวิบากแห่งสมมุติผล หากได้มาอยู่ทิพย์วิมาน อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับลงไปทุกข์อีก

มีวิมานด้วย ไม่ต้องกลับลงมาด้วย นี่…. อย่างนี้ จึงพอสมภูมิแห่งผู้ติดตาม เจริญรอยตามทางแห่งพระพุทธองค์

จึงเอามาเล่าเป็นนิทานให้พวกเราได้ขบคิดกัน ว่าจะทำไงหนอ..?? จึงจะมีวิมานและไม่ต้องกลับลงมาเปื้อนขี้ให้ใจต้องมาชำระล้างอีก

ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆ …????

เที่ยงนี้พอแค่นี้ ขอสวัสดีที่ต่างมีทิพย์วิมานรอคอย

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

ไอ้จ๋ามาครั้งแรก มันเกิดวิมานใหญ่สวยสดงดงามเลย มันอยากได้พระควอซท์องค์ใหญ่ๆ จากเจ้านักรบ แต่กำลังใจไม่พอ มันจึงขอแค่องค์ สามนิ้ว และขอผ่อนกับเจ้านักรบ

นักรบบอกว่าได้ ถ้าพี่อยากได้ จ๋ามันดีใจมาก มันยกพระขึ้นเหนือหัว และขออธิษฐานจิต ส่งมอบให้ข้า เพื่อเป็นพระรักษาสัจธรรมให้แก่แผ่นดิน มันไม่ได้คิดเอาพระไปครอบครองเลย มันอยากได้พระมาเพื่อที่จะได้ สละออก นี่กำลังใจในการตัดใจของมันสูง

มันกระทำตรงนั้น มอบตรงนั้น ให้ตรงนั้น อากาศหมุนวนสะเทือนไปทั้งสามโลก พูดแล้วก็โม้กันเปล่าๆ ข้ารับพระไว้และขอบใจในใจอันเป็นกุศล

และขอให้จ๋านำพระกลับไปครอบครอง รอเมื่อไหร่องค์พระเสร็จ เราค่อยนำองค์พระกลับมามอบไว้ถวายให้แก่แผ่นดิน น้ำตาจ๋ามันร่วงพรั่งพลูอาบแก้มเลยที่เดียว

นี่… วิมานใหญ่แตกหน่องอกออกมารออย่างยิ่งใหญ่พรั่งพร้อมบริวารเลย ต๋ออีกคน ที่ถวายสัจจะนี้ วิมานทิพย์เกิดขึ้นเหมือนกัน

ผู้มาสละแรงกายแรงใจยกหินปูนทราย โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน โอววว..ต่างมีทิพย์วิมานกันโดยทั่วหน้า…

ถ้าไม่เชื่อ ลองตายดูตอนนี้ก็ได้ ข้าจะจัดการศพให้… พอดีไอ้เหลือมตัวใหญ่ๆ มันคงอยากกินเนื้อพวกใจบุญอยู่…

*********************

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง