ร่วมสร้างกุศล ด้วยใจที่เป็นทาน

ร่วมสร้างกุศล ด้วยใจที่เป็นทาน

1018
0
แบ่งปัน

>>คำถาม : พระอาจารย์เจ้าคะ การสร้างพระสวยๆๆ ทรงเครื่องที่อลังการมากๆๆ เป็นการเพิ่มกิเลสให้แก่คนอื่นหรือเปล่าเจ้าคะ พระพุทธองค์ทรงทิ้งของมีค่าทุกอย่างเพื่อสอนให้คนปล่อยวาง สงสัยเจ้าค่ะ

<<พระอาจารย์ : เราสร้างเพื่อถอดถอนกิเลสเรา กิเลสคนอื่นนั้น เป็นเรื่องของเขาเราห้ามไม่ได้

มันอลังการสำหรับบางคน แต่สำหรับบางคนมันเป็นแค่ของด้อยค่า

การสรรหาสิ่งดีๆ ตอบแทนให้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการตอบแทนที่ใช้กำลังใจสูง

เป็นการตอบแทนที่ถือเป็นที่ตั้งแห่งดวงใจ ในกองจาคานุสสติกรรมฐาน

ทำเพื่อตอบแทนให้แก่พุทธศาสนา จะเอาพลาสติกที่ด้อยค่า กำลังใจก็มีค่าด้อย

นี่..เป็นการเอาออก ไม่ใช่เป็นการเอาเข้า ใครอยากได้ของๆ แผ่นดินมันเรื่องของเขา เราอย่าไปอยากได้ก็แล้วกัน

ธรรมชาติมันมีดีมีชั่ว เราก็อย่าไปชั่วตามโลกเขา

เกิดมาได้มีโอกาสให้ ดีว่าเกิดมาแล้วเฝ้าแต่จะเอา โดยไม่เคยให้

พระพุทธองค์ทรงทิ้งวัตถุ มีค่า นั้นเพื่อเข้าหาโมกขธรรม

เรา สร้างวัตถุมีค่า ก็เพื่อให้ใจได้สละ เป็นกุศลทานอันยิ่งใหญ่

ท่านชี้ให้ว่างในสิ่งที่มี ไม่ได้ชี้ในสิ่งที่ไม่มีแล้วบอกให้ว่าง

เรา..ทำกันแล้วก็ทิ้งไป มันเป็นของมีค่าสืบไปให้กับแผ่นดิน

ของมีค่าที่เราสร้างและทิ้งให้ไป มันก็แค่ขยะ ของผู้มีใจว่างจากสรรพสิ่ง ที่อยากเข้าไปยึดครอง

ขยะสำหรับคนมีใจอันยิ่งใหญ่ แต่เป็นของเลอค่าต่อคนยากไร้ ที่เขาเฝ้าแสวงหา

นี่..เป็นเรื่องธรรมดา เป็นแต่เราเถอะว่า สามารถทิ้งขยะที่เลอค่า ออกจากใจได้บ้างรึยัง

เราอยู่ในโลกแห่งสมมุติ เราอาศัยสมมุติเป็นเครื่องอยู่ การจะออกจากสมมุติ เราก็ต้องอาศัยสมมุติเป็นเครื่องมือในการออก

เราสร้างสมมุติขึ้นมา ก็เพื่อปล่อยวางสมมุติ หากไม่มีสมมุติ ก็ไม่รู้จะเอาสมมุติไหนมาวางเหมือนกัน

วางด้วยปาก กับแสวงหามาแล้ววางมันได้ มันเป็นธรรมที่ผิดกันไกลโข พุทธศาสนาชี้การวางในสิ่งที่มี

ยิ่งสิ่งที่มีเป็นของเลอค่า หากเราวางได้โดยเข้าใจตรงตามความเป็นจริง นี่..เป็นสิ่งที่กระทำได้ยากยิ่ง

วางโดยไม่ทำอะไร มันเอาความคิดแค่มาวาง เมื่อไหร่ที่กระทบถึงทิฏฐิ ที่ไม่เคยปล่อยวางในการสร้างสมมุติ

มันก็จะยึดอย่างหวงแหนทีเดียว และที่สำคัญ ใจมันไม่ได้รู้หรือสำเหนียกใดๆซะด้วย ว่าตัวเจ้าของยึดมั่นกันชิบหายวายป่วง

นี่..เพราะไม่เคยสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อได้วาง มีแต่กูวางๆๆๆๆ แต่ไม่มีอะไรให้ใจได้ฝึกวางอะไรเลย

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 16 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

*************************

อานิสงส์ถวายหินให้แก่แผ่นดิน…

++ จะได้กำเนิดเกิดเป็น พระราชาเหนือราชา

++ ใครทำลายไม่ได้

++ ทำอะไรก็มั่นคงหนักแน่นแข็งแรง

++ อยู่ที่ไหนก็ยิ่งใหญ่

++ เป็นที่รักยิ่งของผู้คนที่พบเห็น

++ เป็นผู้ผิวงาม ไม่หย่อนยาน

++ มีปราการแข็งแรงใหญ่โต

++ เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งพาแก่ชนทั้งหลาย

++ และอานิสงส์อื่นๆ มากมายเยอะแยะ

คนโบราณเขาก็ทำกัน เราก็ทำถวายแผ่นดินอย่างคนโบราณเขา

นี่…อานิสงส์เท่าที่เห็นเหตุ แต่อานิสงส์ปลีกย่อยเยอะ จาระไนไม่หมด

คืนนี้ง่วงแร๊ะ หวัดดี

>>คำถาม : พระอาจารย์ขอรับ มีคำถาม หากคนทำศัลยกรรม จนสวย/หล่อ จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ตอนตายกลายเป็นผี จะเป็นหน้าเดิม หรือ หน้าปัจจุบันก่อนตาย /สาธุ

<<พระอาจารย์ : หากกลายเป็นผี แล้วมาแสดงตัว หากมาดี จะมาเป็นหน้าที่ทำศัลยกรรม เพราะการบันทึก ความพอใจ บันทึกที่รูปหน้านั้น อาศัยรูปแห่งความพอใจในรูปนั้น แสดงผล

เหมือนเด็กๆ เมื่อตายตอนเด็กก็ย่อมแสดงผลหน้าตาเด็ก หากตายตอนใหญ่ ความทรงจำก็เป็นผู้ใหญ่ แต่ความทรงจำในหน้าเดิมมันก็มีอยู่เช่นกัน

นางฟ้า เทวดา ที่เขาว่าหน้าตางามๆ หากได้ย้อนไปดูตอนเป็นรูปเก่าๆ แต่ละคนก็ดูไม่ได้แทบทั้งนั้น

แต่เมื่อเป็น นางฟ้า เป็นเทวดา สัญญาการสร้างรูปในภวังค์ มันสร้างให้เห็นเป็นรูปสวย ตามเหตุแห่งวิบากอธิษฐาน ซึ่งแต่ละคน ก็มีความสวยงามไม่เท่ากัน

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

****************************

>>คำถาม : นมัสการพอจค่ะ เข้าใจว่าเจตนาต่างกัน อานิสงส์ที่ได้ก็แต่งต่างกัน รึเปล่าคะพอจ. รบกวนถามค่ะ

<<พระอาจารย์ : ตอบ Wannapa Thammasalee

กระทำบุญเหมือนกัน ชนิดเดียวกัน เวลาเดียวกัน กับประธาน องค์เดียวกัน อานิสงส์ได้เหมือนกัน แต่ผลวิบากไม่เท่ากัน

ผลนี้อาศัยเจตนาเจ้าของเป็นหลัก แม้จะเป็นวัตถุเรื่องเดียวกัน

นางอุบลวรรณา ถวายผ้าไตรแก่พระปัจเจกพระพุทธเจ้าแล้ว แสดงเจตนา ขออธิษฐานจิต ให้เกิดมาเป็นคนรูปสวยรูปงาม เมื่อกุศลวิบากมาให้ผล นางจึงเกิดมาเป็นหญิงรูปงามและมีกายหอมดั่งกลิ่นดอกบัว

อีกท่านหนึ่ง ถวายผ้าไตรเช่นกัน แต่ไม่ได้อธิษฐานแสดงเจตนาอะไร เมื่อกุศลวิบากมาให้ผล จึงเป็นคนที่มีผ้ามากมาย ไม่อับจนเรื่องผ้า

นี่ ทำทานเหมือนกัน แต่ผลที่ได้ ไม่เหมือนกัน อาศัยเจตนาเป็นเหตุปัจจัย..

เราถวายและร่วมสร้างพระปฏิมา แห่งอัญมณี อานิสงส์มีมากมายหลากหลาย ไม่ใช่ถวายหิน แล้วเราจะต้องไปกินหิน หรืออยู่ในหินตามที่เราเข้าใจ ไม่ใช่อย่างนั้น นี่..คุณป้าท่านหนึ่งแกกังวล

แกหวั่นเกรงเรื่องวัตถุ แกคงลืมไปว่า การสร้างด้วยทองเหลืองทองแดง หากการสร้างด้วยหินแกจะต้องไปกินหิน ไปอยู่ในหิน

การสร้างด้วยทองเหลืองทองแดง แกก็ต้องไปกินทองเหลือง กินทองแดงและอยู่ในนั้นเหมือนกันน่ะซิ

ไม่ใช่เช่นนั้นน่ะป้า บุญนี้ อานิสงส์มันมีเจตนา สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เครื่องมือเพื่อเป็นเสบียงในการดำเนิน ใจให้เป็นกุศล

*********************************

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง อานิสงส์..แห่งการถวายเรือ ต่อมาอีกหน่อย
ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง