เขาด่าว่ามา …

เขาด่าว่ามา …

680
0
แบ่งปัน

เขาด่าว่ามานี่พระด่า..!!!!
>>สหธรรมมิก : วัด และ พระจะมีมาก็เพราะพุทธเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธ ถ้าคุณปฏิเสธวัดก็เท่ากับปฏิเสธศาสนา แม้แต่ศาสนาอื่น ๆ เขา ก็ยอมรับศาสนาทุก ๆ ศาสนา กันและกัน ในโลก ใครจะนับศาสนาไหน เขาก็ปฏิเสธศาสนาอื่น ๆ ฟังคำพูดของคุณคนนี้ พูดอย่างแสดงออกถึงการดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาพุทธ ตลอดพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ สังคมจะประณาม เคยยินและได้เห็น ส.ส.บางท่านหลายคนได้พูดว่าเคยอยู่โรงเรียนวัดมาก่อน ก่อนจะมาถึงตรงนี้

<<พระอาจารย์ : นี่..เด็กเขาเชิญมาคุย จึงขออธิบายให้ท่านฟัง ท่าน พระครูวิสุทธิธรรมธร วัดทรงธรรม

เป็นถึงพระครู ฟังบทความคนอื่นแล้วมีความคิดได้เพียงแค่นี้เองหรือ พิจารณาดีรึยัง

เป็นครูสอนคน เวลาจะพูดอะไร ก็ควรยกมาทั้งเหตุและผล ที่จะไปยัดเยียดและปรามาสผู้อื่นซิ

อยู่ๆ ก็มาตีความ ประจานผู้อื่นว่า ดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ศาสนาพุทธ ตลอดจน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สามัญสำนึกของการเป็นพระครู มันมีแค่นี้หรือ

มันต้องว่ามา ว่าตรงไหนที่ตนเองฟังแล้วมีความรู้สึกว่า มันไม่ถูก มันไม่ควร ไม่ใช่อยู่ๆ โพล่งกันขึ้นมาแบบนี้

หากธรรมที่สาดออกไป มันไม่ดี สังคมเขาตัดสินของเขาเอง เพราะธรรมทั้งหลายที่กระจายออกไป เป็นเนื้อหาที่เน้นไปทางพยุงศาสนา ให้มันยืนยาวโดยเนื่อแท้ มันเหยียดหยามตรงไหน

แต่ถ้าพระมันเลวๆ วัดเลวๆ มันหลอกลวงผู้คน ฟังเข้า มันย่อมสะดุ้งละ

เอามาถกมาคุยกันตรงๆ ธรรมบางบท แค่ชี้ให้เห็นเหี้ย นั่นเห็นไหม เหี้ยมันลักษณะอย่างนั้น เห็นแบบนั้นไหม

ไม่ได้ไปว่าใคร ว่าเป็นเหี้ย หรือเป็นพระเหี้ยๆ แค่ชี้ ว่าเหี้ยน่ะ มันเป็นของมันอย่างนี้ ท่านเข้าใจไหม

ผู้บวชเข้ามาแล้ว ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ละคนย่อมไม่เสมอกันด้วยกำลังแห่งสติและปัญญา

แต่ต่างก็ช่วยกันดูแลรักษาศาสนาด้วยกันทุกคน เจตนามันย่อมส่ออยู่

นี่เอาอารมณ์ตนเองมาตัดสิน และยัดเยียดว่าคนอื่น ดูหมิ่นและเหยียดหยามศาสนา

เป็นถึงพระครู โพล่งวาจา ด้วยทิฏฐิมานะตน ยัดเยียดตัดสินคน ไม่ควรเลย..!!

ทำหน้าที่ ที่ตนเองมีหน้าที่ของตนไปเหอะ ท่านคุณพระดี ไอ้กระผมมันพระเหี้ยๆ มันจึงพอฟัดกับพระเหี้ยๆด้วยกันได้ ผู้คนจะได้มองเห็นเหี้ยที่โดนฟัดกัน

จะได้ไม่ต้องหลงไปกราบไปไหว้ ไปเลี้ยงพระเหี้ยๆให้ใจมันเศร้าหมอง ศาสนามันจะได้พอบริสุทธิ์ขึ้นมาบ้าง ถ้าได้พอประจานความเหี้ยๆของพระเหี้ยๆที่แฝงร่างแปลงกาย ในพุทธศาสนา.

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 6 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

****************

นี่น้องๆเขาสงสัยว่า…!!!!!!

>>ลูกศิษย์ : วันนี้ได้คุยกับเพื่อน ที่ถามว่า ทำไม พอจ.พูดไม่ค่อยเพราะ (เค้าเพิ่งเคยอ่านไม่กี่เรื่อง)

นู๋ตอบไปว่า

“55 พระแต่ละองค์มีจริต ต่างกัน เหมือนคนเรานี่ไง แม้พระอรหันต์ก้อยังมาจากหลายฐานะ มาจากกษัตริย์ มาจากพ่อค้า มาจากชาวนา ต้องดูจากธรรม เท่านั้น

ในการเกิดเป็นคนชาตินึง จะได้พูดคุยแบบเจอตัวกันกับพระอรหันต์ สักกี่รูป

อ่านธรรม แบบอ่านแล้วดูเก๋ๆ แบบฉลาดล้ำ ต้องไปอ่านท่าน ว. // อ่านธรรม เป็นขำเยอะกว่าเนื้อหา ก็พระมหาสมปอง

แต่ถ้าพูดตรง ไม่ต้องเพราะ แต่ถ้าเจอตัวถามอะไร ตอบที ทิ่มใจน้ำตาร่วง กระซวกไส้ ต้อง พระธรรมกะ”

ถ้าการพูดถึงพอจ.นี้ เป็นการปรามาสครูบาอาจารย์ นู๋กราบขอขมาด้วยค่า…

 

<<พระอาจารย์ : ฮ่าๆๆๆ ข้ามันลูกแม่ค้า พูดเพราะๆ อย่างลูกแม่ค้า มันก็คงเป็นที่น่ารังเกียจของเหล่าลูกขุนนาง

นั่น…เหล่าลูกขุนนางเขาคิดกัน พูดเพราะแค่ไหน มันก็เพราะไปไม่ได้ ลูกแม่ข้าพูดเพราะแบบขุนนาง มันก็ตอแหลใจตนเอง

และคำพูดวาจาของเหล่าลูกขุนนาง มันก็เป็นที่น่ารังเกียจแก่เหล่าลูกกษัตริย์อีกเช่นกัน

พูดเพราะไม่เพราะอยู่ที่ใจเจ้าตัวตัดสิน ไม่ใช่คำพูด

เพราะถูกใจ มันก็ชอบไปซะหมด หากไม่ถูกใจ มันก็ไม่ชอบไปซะหมดเหมือนกัน

โจร..มันก็พูดเพราะได้ เพราะเป็นสาธารณะที่ใครๆ ก็ทำได้

ปลาร้ามันเหม็นเน่าเป็นที่น่ารังเกียจ แต่หากเป็นคนชอบกินปลาร้า มันแซบหลายๆ เขาเอาที่มันแซบๆหลายๆ เขาไม่ได้ใส่ใจกลิ่น

ดอกบัวงามท่ามกลางโคลนตม เขาเอาแต่ดอกบัว เขาหาได้ใส่ใจโคลนตมที่หล่อเลี้ยงดอกบัวไม่

เป็นธรรมชาติของผู้หลงยึดดี หลงสมมุติบัญญัติแล้วไม่ถอดถอน

ชอบใจก็สรรเสริญไม่ชอบใจก็ด่าเปิง

ทั้งสรรเสริญและด่าเปิงมันก็แค่สมมุติ ที่เราหลงกันเอง

ไม่เป็นการปรามาสอะไรดอกจ้า แม่หนู เรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ นี่มันเจตนาชื่นชมจ้าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น นู๋..เป็นคนเก่งและมีปัญญา..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
**************

นี่รวมๆแล้ว เคยโดนมาเยอะ..!!!!

สมัยที่ปฏิบัติภาวนาด้วย ทำงานด้วย ตัวนี้ผอมแห้ง เพราะกินวันละมื้อ บางวันก็ไม่ได้กิน

ไม่ใช่ไม่มีกิน แต่การกินเป็นเรื่องเล็กน้อย

น้ำหนักมันก็หายไปตามเหตุปัจจัย

เจ็ดแปดวัน จึงจะขี้ซักที

ที่นี่ใครมาอยู่จะว่า แดดแรงมากๆ ข้าคล้ำอยู่แล้ว

กลายเป็นเงาะป่าซาไกไปเลย ทั้งดำและทั้งแห้งผอม

ทีนี้เวลาใครมาหา เขาก็ว่า ข้านี้สกปรก เสื้อผ้าขาดและปะรุ่งริ่ง

ดูเป็นผู้ยากไร้อัตคัด และยาจกสิ้นดี

หลายคนเห็นแล้วก็เบือนหน้าหนี

บางคนบอกว่า ได้กลิ่นเหล้าจากข้าก็เคยมี

ทั้งๆ ที่ชีวิตนี้ ไม่เคยจะกินเหล้ากับใครเขา

คนร่างสูงใหญ่หนักกว่า 80 กิโล

พอเป็นสงฆ์เหลือแค่ 52 กิโล บางคนก็เข้าใจว่าข้านี่ เป็นโรคร้าย

คนเรานี่ มันตลกสิ้นดี เดี๋ยวนี้ หนักเกือบ 70 กิโล

ทั้งๆ ที่กินครั้งเดียวตั้งแต่บวช ยังมีคนบอกว่า ข้าคงแอบกินหลายมื้อ

นี่..คนเรา มักจะเอาความรู้สึกแห่งตนเข้าไปตัดสินผู้อื่น

ธรรมชาติแห่งคนธรรมดา ที่เกิดมาไม่มีห่าอะไร มักจะเป็นไป

ในความคิดเห็นด้วยอำนาจแห่งตัวตนเสมอ

นี่ถ้าข้ามามัวคอยแก้ตัว ชาตินี้ ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว

อยู่ที่นี่ผู้เดียว เคยโดนข้อหาเป็นร้อยข้อหา ที่ต่างพากันมา เพ่งโทษและคิดเอาเอง

แต่ข้าก็ยืนยงมาได้ ด้วยหัวใจยอมรับข้อหา ว่า ” มันเป็นเช่นนั้นรึ”

ฮ่าๆๆ ที่สุด เขาก็ว่าเป็นพระบ้า เลยปล่อยหางมา และไม่ยุ่งอะไรกันอีกเลย

ใครว่ามา หากไม่แก้ตัวก็ยอมรับกันไป ให้ใครเขาได้สบายใจเถอะพี่น้อง

เขาว่าเหี้ย ก็ยอมรับไปว่าเหี้ย จะได้มีเหี้ยแค่ตัวเดียว

หมาตัวหนึ่งเห่า หากเห่าตอบ มันก็เป็นหมาสองตัวเห่า มันจะยิ่งหนวกหู

อยู่กันแค่พอสบาย อีกไม่นานก็ต้องจากกันอยู่แล้ว

จากกันอย่างปราชญ์ดีกว่าจากกันอย่างเปรต

หากเป็นเปรตที่ห่อหุ้มด้วยปราชญ์ ตายไปยังไงก็ยังเป็นเปรต

เราจะอยู่อย่างเปรตหรือจะอยู่อย่างปราชญ์ เราเป็นผู้เลือก

เลือกแล้ว วิบาก ทั้งทางปราชญ์และเปรต ย่อมให้ผลสนอง

ไปในทิศทางที่แตกต่างกัน

เรา..เกิดมาเลือกทางแล้วหรือยัง ว่าจะไปทางเปรตหรือไปทางปราชญ์

หรือเรา ให้โชคชะตาฟ้าลิขิต ว่าจะเป็นเปรตหรือปราชญ์แล้วแต่โชคชะตามันพาไป…
****************

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง