เจตนาดี ก็เป็นกรรม

เจตนาดี ก็เป็นกรรม

677
0
แบ่งปัน

หลายคำถามที่ถามมา ข้าจะขอตอบให้ตามภูมิธรรม การตอบนี้ ไม่ได้ไปวินิจฉัยด้วยเหตุด้วยผลของตนเอง เราว่าไปตามกระแสแห่งธรรมที่มันมีผลแห่งวิบาก อันเกิดจากการกระทำ ซึ่งมันอาจจะลึกซึ้งลงไปหน่อย แต่เราก็สามารถตามรู้ได้เช่นกัน

>>คำถาม : พระอาจารย์ ฟ้าปุจฉาเจ้าค่ะ ลูกฟ้า(คนนี้)ฟ้าเรียกแบบนี้เจ้าค่ะ เลี้ยงมา 14 ปีกว่าเจ้าค่ะ ก่อนเขาจะไป หมอบอกว่าเค้าจะมีอาการทางสมองนะ รอให้เขาไปเอง ฟ้าก็ถามอาการเจตนาดีก็เป็นกรรม พอเค้าเป็นแบบที่หมอบอก ฟ้าก็สงสารไม่รู้จะช่วยไง

ถามหมอๆ บอกรอได้อย่างเดียว ฉีดยาให้น้ำเกลือก็ทำไรไม่ได้เขาไปอยู่ดีค่ะ เค้าทรมานค่ะ เดินไปเดินมาทั้งคืน แล้วล้ม แล้วกระตุก แล้วคราง ฟ้าก็บอกเค้าว่าหนูไปเถิดแม่ไม่รั้งหนู หนูจะได้ไม่ทรมาน

ฟ้าก็สวดมนต์ให้เค้าฟังเค้าก็นิ่งไปเป็นพักๆ จนเช้า ฟ้าเห็นเค้าไม่ค่อยมีแรงแล้ว ฟ้าเลยสวดมนต์ให้เค้าฟัง

แล้วบอกเค้าว่าหนูอยากไป แม่สวดมนต์ให้ฟังแล้วหนูไปเกิดภพภูมิใหม่นะลูก พอฟ้าสวดมนต์จบ ฟ้าดูเค้าอยู่ตลอดจับมือเค้าด้วย แล้วเค้าก็ไปค่ะ พระอาจารย์ ฟ้าบาปไหมคะไม่พาเค้าไปหาหมอ เพราะว่าฟ้าคุยกับหมอแล้วเรื่องอาการของเค้า

ฟ้าอยู่ลพบุรีแต่ลูกฟ้าหาหมอโรงพยาบาลเอกชนรักษา 24 ช.มมีปัญหาโทรคุยได้ค่ะ พระอาจารย์ ถ้าด่วนกลางคืนฟ้าเข้ากรุงเทพเลยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ที่เมตตาฟ้า

<<พระอาจารย์ : ของฟ้า Panisara Atchayasawat ไร้เจตนาปลิดชีวิต ทางกาย วาจา ใจ อันเกิดจาก ความรัก และความชัง ความเป็นบาปจะมาจากไหน

เราดูแลเขาอย่างดีที่สุดแล้ว จนเขาจาก แม้จะเจ็บช้ำที่เขาต้องมาทรมาน เรา..เจ็บกว่าเขามากมายนัก อย่างน้อย เราก็พอรับรู้ความรู้สึก ที่ดีต่อกันได้ เขาจากไป ด้วยวิบากหมดเชื้อไป ตามเหตุปัจจัยแห่งกาย ความเป็นผลร้าย ระหว่างเขากับเรา ย่อมไม่มี ฟ้า…

ขอเป็นกำลังใจ

>>คำถาม : เช้านี้ข่าวทุกสำนักออกข่าวเกี่ยวกับหลวงปู่พิมพ์..ฟังแล้วรู้สึกสงสารท่านครับ..เป็นดังที่ท่านพระอาจารย์กล่าวไว้ไม่มีผิด..หลายคนอาจจะได้กล่าวปรามาสท่าน..เกรงว่าจะเกิดบาปกรรมโดยไม่ได้ตั้งตัวทั้งประเทศ….

<<พระอาจารย์ : Meena Mana เกี่ยวกับหลวงปู่พิมพ์ อะไรนี่ ข้าไม่รู้จักหรอก เมื่อคืนแสงมันถามมา ก็เลยอธิบายไปตามเหตุปัจจัยที่ถาม

แต่การที่คนทั้งหลายปรามาส ว่ากล่าวโดยเอาความคิดตนเองเข้าไปให้ความเห็น จะเป็นเภทภัยทางวาจา ที่ร้ายอย่างแรงไม่ควรทำ

หากเรื่องนี้เป็นการสร้างเรื่อง ตามที่หลายฝ่ายกล่าวหา ฝ่ายพระย่อมต้องรับผลวิบาก ในการสร้างเรื่องขึ้นมา ย่อมไม่ได้รับความศรัทธา

แต่หากฝ่ายพระทำไปด้วยเจตนาตั้งใจ แม้จะพ่ายแพ้ ผู้กล่าวหาและประณาม วิบากจะมาสนองผลให้ชิ๊บหาย เพราะเป็นการปรามาสเจตนา อันเป็นการกระทำ เพื่อความหลุดพ้น อันเป็นเจตนาบริสุทธิ์ แม้จะดูว่าเป็นเรื่องโง่ๆ ของชาวโลก ก็ตามเถอะ

ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ที่จะไปปรามาส พระที่กล้าจะแลกความจริงกับความตาย หากท่านตั้งใจจริง คนปรามาส…ซวย

>>คำถาม : กราบเรียนถามพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง เช่นนั้นในกรณีที่เราป่วยหนักแต่ยังมีสติสัมปชัญญะ แล้วเขียนหนังสือแสดงเจตนาต่อแพทย์ผู้รักษาว่า จะไม่ทำการช่วยเหลือทางการแพทย์เช่นนี้ ไม่นับเป็นการฆ่าตัวตายใช่ไหมคะ (ไม่สั่งให้แพทย์ฉีดยาให้ตาย แต่ให้ประคับประคองแล้วปล่อยให้ตายโดยไม่ขวางในเวทนา)

<<พระอาจารย์ : ปราญชลี ไม่มีนามสกุล การแสดงเจตนารมณ์เช่นนี้ มันมีเหตุปัจจัยจากเจ้าของ ไม่ถือว่า เป็นการฆ่าตัวตาย

และแพทย์ผู้ฉีดยาให้ผู้ป่วย หากไม่ได้เป็นผู้แนะนำ ให้ญาติฉีดยาฆ่า แต่เกิดจาก เจ้าตัว และเหล่าญาติเห็นว่า สมควร เพราะเหตุแห่งการสงสารและเวทนา

และแพทย์ย่อมวินิจฉัยว่า คงไม่รอดแน่ อย่างนี้ นายแพทย์และผู้กระทำ ไม่มีวิบากต่อผลที่กระทำ ถึงมีก็ส่งผลเล็กน้อย

แต่เจ้าของ และญาติซึ่งเป็นผู้สั่ง ต้องรับผลแห่งการตัดสินใจ ในการ ปาณาติบาต ด้วยความไม่รู้กันทุกคน

ชีวิตทุกชีวิต ย่อมมีวิบากเป็นเครื่องเสวย ในขณะที่ผู้ป่วย เจ็บปวดกับเวทนาอันแรงกล้า เวทนานั้น เป็นกระแสผลแห่งวิบาก ที่เจ้าของกำลังเสวยผล

ผลนั้น ยังมีเชื้ออยู่ไม่สิ้นสุด เมื่อเกิดการตัดรอนผล จะด้วยเจตนาใดก็แล้วแต่ เศษแห่งผล ย่อมงอกเงยขึ้นมาเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งวิบากต่อ

ตรงนี้ มันเป็นธรรมชาติแห่ง กรรมนิยาม คำว่ากรรมนิยาม เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิด

เหตุนี้มันมีมาก่อน และการปรุงแต่งแห่งเหตุ มันได้แรงได้กำลังมาจากการปรุงแต่งแห่งจิต ที่เคยมีมาในสังขาร

มันเหมือนท่อนไฟที่กำลังเผาเชื้อ หากปล่อยให้มันมอดไหม้ไปจนสิ้นเชื้อ ความเร่าร้อนแห่งไฟ ไฉนจะมีเชื้อมาเกิด

แต่เมื่อเราเข้าไปดับไฟที่กำลังเผาเชื้อ ดุ้นถ่านที่เหลือ ย่อมไปเกิดกำเนิดเป็นเชื้อไฟ ที่ลุกโชนขึ้นมาใหม่ เพราะดุ้นไม้มันยังมีอยู่

และหากได้เหตุปัจจัยส่งเสริม เชื้อนั้นก็จะลุกลามเป็นไฟกองใหญ่ ที่สามารถเป็นไฟเผาผลาญได้ แม้โลกทั้งใบนี้ ให้วอดวาย และสลายไป ถึงผู้ดับไฟให้เหลือเชื้อคือดุ้นถ่าน ให้วอดวายตามกำลังแห่งไฟตามๆไปด้วย

การทุรนทุรายทางกาย มันเป็นอาการแห่งจิต ที่เสวยเวทนา เวทนาตัวนี้ เป็นแค่อากาศ ที่อาศัยกายในการผัสสะ

เพียงแต่เราไปเป็นเจ้าของอาการ และอาการแห่งโปรแกรมนี้ มันก็มีอยู่อย่างนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่โลก จะไปเข้าใจ

โลกเราที่รู้และพิสูจน์ได้ ก็มีเพียงธรรมชาติ แห่งฟิสิกส์ และธรรมชาติแห่งชีวภาพ

ส่วนธรรมชาติแห่งกรรม ธรรมชาติแห่งจิต ธรรมชาติแห่งธรรม อันขึ้นชื่อว่าเป็นธรรมชาติของโลก เราเข้าไปไม่ถึง เราจึงเข้าใจว่า พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

ทั้งๆที่ธรรมชาติเหล่านี้ก็เป็นวิทยาศาสตร์ เพียงแต่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ใช้เครื่องมือทาง จิต ศีล สมาธิ ปัญญา เข้าไปพิสูจน์ สมองเราหนาเกินกว่าจะไปเข้าถึง จึงมองไม่เห็นและคิดว่าไม่ใช่

ในสมัยโบราณ พระอรหันต์เจ้ามากมาย ก็เดินเข้าไปตายในป่า ใน
ถ้ำ ทิ้งร่างและจากไปโดยไม่แยแส
ก่อนจากร่าง ท่านก็เสวยเวทนากันทั้งนั้น เพียงแต่ท่านเข้าใจว่า เมื่อมีร่างอันเป็นสังขาร เวทนาก็ย่อมมีตามเหตุปัจจัยเป็นธรรมดา ไม่ใช่ว่า ท่านจะไม่ได้เสวยเวทนา

เพียงแต่ว่า ท่านไม่ต้องการให้ร่างท่าน ต้องไปเป็นภาระใคร ปล่อยให้เป็นอาหารสัตว์ไป ก็ยังพอมีประโยชน์กับโลกได้

พ่อเรา แม่เรา เพื่อนเรา หากต้องเสวยเวทนาอย่างแรงกล้า ขอให้เราอยู่เป็นกำลังใจให้กับเขา

ไม่มีเวทนาใดที่ไม่ดับ เวทนาที่แรงกล้ามันก็ย่อมดับเป็นธรรมดา

แต่ที่ไม่ยอมดับ ก็คือใจเจ้าของที่ไปยึดเวทนา หากเราเข้าไปพรากวิบากโดยการฆ่า

ผลทั้งหลายจะเกิดกับเรา

มันก็จะกลายเป็นว่า ผลเกิดกับพ่อแม่เราที่เสวยเวทนาด้วย และตกทอดมาถึงเราด้วยเจตนาด้วย

ผู้รับเวทนาเมื่อยังไม่สิ้นเชื้อ เมื่อเกิดกำเนิดมา เชื้อแห่งวิบากนั้น จะยังกลับมาเป็นผลใหม่ ที่ใหญ่ และยิ่งๆไปกว่าเดิม

มันจะอาศัยวนเวียนเป็นวัฏฏะ นี่เพราะเกิดจากกำลังแห่งเจตนา เป็นเหตุ

เที่ยงนี้ขอสาธุคุณ ขอให้ทุกท่าน ร่ำรวยล้นเหลือ และอย่าได้เสวยผล..แห่งเวทนาจนเกินกำลัง

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ปลิดสังขาร..ฆ่าตัวตาย ณ วันที่ 11 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง