>> ลูกศิษย์ : หลวงตาปอสงกะสัย การทำสมาธิเพื่อให้มีอารมณ์
แล้วหากเราทำสมาธิแล้วฟุ้งซ
<< พระอาจารย์ : การทำสมาธิ ก็เพื่อให้ใจมันชิน และมีที่ตั้งแห่งจิต เพื่อข่มเวทนาน่ะ
คนมีสมาธิ จะพิจารณาหรือไม่พิจารณาธรร
มีสมาธิไว้ฆ่าคนก็ได้ ไว้ทำดี ทำชั่ว ทำงาน ไว้พิจารณาผัสสะอะไรต่างๆ เพื่อความเฉียบคม ให้ใจมันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ข้าทำสมาธิทุกวัน ไม่ได้ทำเพื่ออะไรทั้งนั้น ทำไปเพราะเป็นเครื่องอยู่ขอ
บางคนเอาสมาธิเป็นเรื่องใหญ
สวดมนต์หน่อย ก็ประกาศบอกชาวบ้าน ให้ร่วมกันโมทนาบุญกัน ทำอะไรด้านกุศลที่คนเขายกย่
เขาเรียกว่า ทำไปเพื่อได้อวด ทำเล็กทำน้อย มีแต่ท่า ก็ขอให้ได้อวด ถ้าไม่อวด แล้วมันหมดแรงจูงใจทำ บางพวกประกาศบอกบุญ จะไปธุดงค์ ก็ตระเตรียม มาม่า ของใช้ ยากันยุง อาวุธ เต้นท์ โทรศัพท์ ถ่านที่ช๊าตแบต กระเป๋ารองเท้า เพียบเเป้
เขาประกาศบอกบุญ ว่าจะไปธุดงค์ ธุดงส์พ่อมึง ไอ้ห่า เตรียมตัวยังกะไปเที่ยวป่า ตระเตรียมสิ่งของเครื่องใช้
แถวนี้ นี่..มากันเยอะ มาธุดงค์แต่พกโทรศัพกันเป็น
ก่อนไปขอยากันยุง
พระธุดงค์หัวกระดอ กลัวยุง ขอน้ำผลไม้กล่อง ขอเทียน ขอน้ำขวด ขอหมอน ขอแม่งสารพัด นี่..พวกมาธุดงค์ มาแล้วก็พากันถ่ายภาพไปอวดแ
นี่..พวกพระหัวกระดอ มันมาเอาการธุดงค์ ที่มันคิดว่าเป็นการธุดงค์ เอาไปอวดคนเมืองกัน คนเมืองมันชอบพวกพระธุดงค์ พวกนี้มันมาเที่ยวป่าน่ะพี่
แถบทุ่งใหญ่นี่ มากันเยอะ มาเที่ยวๆ กัน มากันเป็นฝูงๆ ก็มี มาแล้ว กลับออกไปอวดได้ ว่าตัวหำน๊อยนี่ เป็นพระธุดงค์ มาเดิน มานั่งสมาธิกันในป่า ได้ถ่ายรูปออกไปโชว์แล้วเท่ห์
ธุดงค์นี่ คือการลดกิเลส การได้เข้าป่าเพื่อปลีกวิเว
บางพวกพกพระมาเต็มย่าม เผื่อเจอผี จะได้กันผีได้ นี่ก็มี การธุดงค์ ขอให้มันเข้าไปธุดงค์จริงๆ เ
เมื่อเข้าป่าแล้ว มันก็สงัดจากผู้คน เมื่อได้เจริญสมาธิจิต มันก็จะสงบและมีกำลังสูง ปัญญาก็จะฉับไวในการแก้กลอุ
ยามต้องเผชิญเวทนาอะไรต่างๆ
เอากันจริงๆ เรียกว่า เดินออกกันไปตาย แต่ต้องมีสติและปัญญาประกอบ
พวกชอบมาอวด มันก็ได้แค่มาอวด ให้โลกชม มันจะหาธรรมอันใดมาเจริญใจ ไม่ค่อยได้ เพราะใจพวกนี้ มันไม่ได้มาเอาธรรม มันมาธุดงค์ เพื่ออวดอ้าง เพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ และสุขจากคนได้ชมกัน ก็แค่นั้น
สมัยข้าเข้าป่านี่ ไปกันตีนเปล่า มีบาตรใส่ย่ามใบเดียว นอกนั้นไม่มีอะไร กลดก็ไม่มี ไฟเช็กไฟฉายอะไรก็ไม่มี ข้ากะไปตาย มันจึงได้อะไรที่อยู่ทางฟาก
กินแต่ใบไม้ เพราะไม่มีใครมาคอยใส่บาตรใ
คนมาตายนี่ มันจะเห็นความจริง ยามผัสสะเกิดกับกาย คนมาตายนี่มันไม่ได้ห่วงตาย
ใจมันไม่ได้ไปขวักไขว่กับกิ
ธรรมชาติแห่งจิตนี่ มันหวงกายหวงรูป พอมาในที่แปลกถิ่นมันจะระแว
เห็นกายชัด มันก็เห็นเวทนาทั้งหลายที่เ
กายนี้เป็นทางผ่านของเวทนา ไม่ใช่ตัวกายมันเป็น หรือเกิดขึ้นมาจากกาย เวทนาทั้งหลายเกิดเพราะเหตุ
แม้จะไม่ได้ทำการวิปัสสนาอะไ
จิตก็จะหลุดผลั๊วออกจากการย
แค่เห็นกายนี้ไม่ใช่เราชัดๆ
เพราะอาการทั้งหลาย หิวเอย ง่วงเอย สังสัยเอย เจ็บเอย ปวดเอย และอะไรต่ออะไรที่คิดว่า กายเราเป็น มันวางลงไปตามกำลังแห่งความ
มันรู้ชัดว่า มันเป็นอาการที่อาศัยผัสสะเ
ใจมันก็มีความเพียรในการที่
นี่..ผลจากการได้อยู่ธุดงค์
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง