ข้อที่ร้ายแรงแห่งศีล.. พึงระวัง

ข้อที่ร้ายแรงแห่งศีล.. พึงระวัง

1192
0
แบ่งปัน
>> จากเพื่อนสหธรรมมิก : ท่านอาจารย์มีโยมถามมาว่า ผิดศีลข้อไหนร้ายแรงที่สุด ผมให้ท่านอาจารย์ช่วยตอบให้ด้วยครับ เพราะท่านอาจารย์ตอบคำถามได้ถึงใจดี สาธุครับ
13705232_1336788799670704_1993929029_n<< พระอาจารย์…………ขอสาธุคุณครับ….ข้อศีลทั้งหลาย เป็นคอกกั้นใจเพื่อมิให้ใจเกิดแหกออกไปทำลาย ใจใครเขาและย้อนกลับมาทำลาย ใจเจ้าของตามผลวิบาก

ศีลนี้มีผลร้ายแรงทุกข้อ หากได้กระทำขึ้นโดยเจตนาเจ้าของ มีวิบากเป็นผลสนองตามมาที่ไม่สิ้นสุด ตามกระแสที่ไหลออกมาเป็นสมุทัย ส่วนจะให้จำแนกข้อ

ข้อโกหกครับ ร้ายแรงที่สุด ศีลทุกข้อในความหมายแห่งชาวพุทธเรา ศีลข้อ 4 ร้ายแรงที่สุด เพราะนำมาซึ่งความพินาศแห่งโลกเราได้ เป็นข้อศีลที่มีอัตราการทำลายกว้างและเดือดร้อนไม่รู้จ

การเป็นชู้ มันมีผลระหว่าง ผู้กระทำกับผู้โดนกระทำ ในที่นี้ มีผู้รับวิบากอยู่ในแวดวง เจ้าของ พ่อแม่ และครอบครัว วิบากผล มันเกิดกระแสอยู่แค่นี้

ส่วนการขโมย ก็เป็นทุกข์เฉพาะคนที่รู้ว่าโดนกระทบ แม้จะขโมยระดับโลก ก็ไม่ทุกข์ทั่วทุกคน หากไม่โดนเข้ากับตัวตน

ส่วนการฆ่า เป็นเรื่องเจตนาระหว่างบุคคลและสัตว์ซะเป็นส่วนใหญ่ แม้เกิดสงครามล้มล้างเผ่าพันธุ์ ก็มีวันสงบลง

แต่การโกหกนี่ มันทำลาย ความเชื่อ ความศรัทธาทีเต็มเปี่ยม ให้สลายมะลายลงไปในพริบตา

ครอบครัวที่มีความสุข หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โกหกและโดนจับได้ซักครั้ง ความไว้วางใจ และความศรัทธา เพียงแค่ครั้งเดียว จะสลายไปชั่วชีวิต

หากผู้นำระดับ ประเทศ ระดับโลก โกหก ให้ร้ายแก่ข้าศึกของตัวตน ความชิบหายทำลายระหว่างกลุ่ม จะปะทุขึ้น และจะไม่มีวันหมดและจบสิ้น ตราบใดที่ความเป็นจริง ยังไม่แจ้ง

แค่คนของเราระดับผู้นำ หรือด้วยความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หากแม้ใส่ความประเทศหนึ่งประเทศใด ด้วยความโกหก ว่ามันเป็นจัญไรต่อคนของเรา

รับรองได้ คนของเรา เกลียดคนประเทศนั้นทั้งประเทศ และฝังลงไปในสายเลือด

ประวัติศาสตร์ ที่เกิดการเกลียดชังกัน โดยไม่ถอดถอน มีเหตุเกิดจาก การเข้าใจผิดที่มาจากเรื่องของการโกหก คือใส่ความกัน ปรุงแต่งเรื่องราวกัน โดนไม่ตรงตามความเป็นจริง

เหตุนี้เกิดจากทิฏฐิอารมณ์ ถูกใจก็ชอบใจไปซะหมด ไม่ถูกใจก็ไม่ชอบใจไปซะหมด นี่ ธรรมชาติแห่งสันดานตัวนี้ มันเป็นธรรมชาติแห่งใจที่ไม่มีอริยสัจ

คนที่ไม่มีอริยสัจ คือหลักเหตุหลักผล ก็ย่อมปรุงย่อมแต่งไปตามทิฏฐิฐานะแห่งความรู้สึกนึกคิด ในอารมณ์ถูกใจไม่ถูกใจของตนเอง เป็นที่ตั้ง

เมื่อเอาใจตนเองเป็นที่ตั้ง การทำลายข้าศึกที่ตนไม่ชอบใจ ก็โดนปรุงลงไป ให้ใหญ่ขึ้น เป็นการโกหก ที่มุ่งทำลายหมายมั่นให้อีกฝ่ายชิบหายมะลายสูญสิ้นไปเลยทีเดียว

คนโกหก เป็นไปไม่ได้ว่า จะไม่เบียดเบียน ไม่ขโมย ไม่เป็นชู้ และไม่หนักไปในการดื่มสุรา และเป็นการโกหกที่เกิดจากเจตนา จากเจ้าของ ทั้งที่เป็นสันดานและจงใจ

การโกหกเป็นธรรมชาติแห่งการ ให้ได้มา การเอาตัวรอด และผลักใส ผลแห่งการทำลายใจจึงให้ผลแผ่ลามออกไปยิ่งใหญ่และกว้างมาก

มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน และเป็นเรื่องกับทุกคนไปทั้งโลก ศีลข้ออื่น เช่นการฆ่า ให้ผลหนักทางกายและใจ

การขโมยให้ผลหนัก ทางใจ เป็นชู้ให้ผลหนักทางกายและใจ ส่วนการโกหก มันให้ผลหนักทั้งทาง กาย วาจา ใจ

สำหรับการดื่มสุรา แม้จะให้ผลในการทำลายศีลทุกข้อ แต่การดื่มสุรา ให้ผลทำลายแคบๆ แค่ระหว่างกลุ่มบุคคล เพราะคนเมาสุรา คนทั้งโลกขาดความเชื่อถืออยู่แล้ว ไม่เป็นภัยต่อคนทั้งโลก

การโกหกเป็นการขาดสัจจะที่เกิดกับใคร ก็ไม่ชอบใจ เป็นผู้ไร้ซึ่งความข่มใจ หากคนโกหกเกิดกับพระ ศาสนาพังพินาศหากการเชื่อนั้นมีผล หากเกิดกับผู้นำ ประเทศชาติก็ล่มจม

โกหกน้อยๆ  กับคนข้างๆ ยังพอทนกัน แต่โกหกกันทุกวัน นี่เป็นคนจัญไรแท้.

พอดีแบตหมด ธรรมมันสดุดลงซะแล้ว

จึงขอสรุปผลว่า การโกหก เป็นข้อศีลที่ให้ผลร้ายแรงที่สุด ต่อมวลมนุษย์ชาติ มากๆ กว่าทุกๆ ข้อ

แต่ทุกๆ ข้อก็เป็นภัยต่อใจเจ้าของ หากไหลและตกลงไปในกระแส

การโกหกนี้ ใช่ว่าเกิดจากการวินิจฉัยด้วยการเห็นขึ้นมาเอง

แต่ได้กล่าวตามคำแห่งพระพุทธองค์ ที่ทรงให้นิยามย่อๆ ไว้กับพราหมณ์ ผู้หนึ่งที่ถามมา

การโกหกนี้ นำภัยมาสู่มวลมนุษย์ ได้อย่างใหญ่หลวง หากโลกเรามีผู้นำที่โกหก แค่ใส่ความมนุษย์เหล่าชนโลกอื่น จักรวาลนี้ก็คงจะเต็มไปด้วยสงครามระหว่างดวงดาว

นี่..เพราะความคิดและทิฏฐิแห่งความเร้าใจ ในเรื่องของการใส่ไฟด้วยการโกหกเป็นเหตุ

ขอขอบพระคุณที่ให้เกียรติถามมา การอธิบายกันสดๆ ย่อมมีคุณค่าและความจริงใจ ในเหตุผลแห่งธรรมสูง ตามภูมิ

ขอความสุขความเจริญในธรรม ให้มีดวงตาเห็นธรรม ขอขอบคุณครับ…

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี