ผิดไหม…ในเมื่อไม่รู้

ผิดไหม…ในเมื่อไม่รู้

995
0
แบ่งปัน

>> ลูกศิษย์ 1 : พระอาจารย์คะ การค้าเบ็ดตกปลา มีด พร้า ของมีคม ที่ได้ยินมาเค้าว่าเป็นการค้าที่ไม่ควรเพราะเป็นการสนับสนุนในการฆ่า

แต่มันก็เป็นอาชีพที่สุจริต ตามที่โลกเค้าว่า พระอาจารย์อย่างนี้จะควรหรือไม่ควรมันก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนซื้อและคนขายว่า ซื้อ-ขาย เพื่อเลี้ยงชีพ หรือซื้อ-ขาย เพื่อมุ่งหมายจะเบียดเบียน

และเบียดเบียนเพื่อความอยู่รอดหรือเบียดเบียนเพื่อความสนุกสนาน ดังนั้นการค้าเบ็ดตกปลา มีด พร้า หรือของมีคม ก็ไม่ถือว่าเป็นการค้าที่ไม่ควรถูกต้องไหมคะ ตามที่นู๋เข้าใจ เพราะทุกการกระทำมันขึ้นอยู่กับเจตนา

<< พระอาจารย์ : การค้า ดั่งที่หนูรุ้งว่ามา เป็นเรื่องทำมาหากินของชาวโลกเขา มันก็ควรอย่างชาวโลก มีดเอามาทำครัว ผ่าฟืน ทำอะไรได้เยอะแยะ ใช่ว่าต้องนำเอาไปฆ่าและเบียดเบียนชีวิตอย่างเดียวซะเมื่อไหร่

คำว่าสัมมาอาชีโว ที่ท่านๆ แปลกัน ไม่เกี่ยวกับอาชีพค้าขาย ชาวบ้านจะค้าขายอะไร เป็นเรื่องของชาวบ้าน พวกมักนำมายัดเยียดเข้ากับหัวข้อธรรม เพราะมั่วแปล

ชาวโลกเขาจะทำมาหากิน มันเรื่องของชาวโลก ไปแปลมั่วๆ ว่าห้ามอย่างนั้นห้ามอย่างนี้ นี่..มันเอาตัวตนเข้าไปยัดเยียด โดยการคิดเอาว่า

การค้า เราจะค้าอะไรก็ได้ หากผิดกฏหมาย ท่านก็มีผลแห่งเหตุที่ท่านค้า เพราะเขาสมมุติกันอย่างนั้น

หากจำเป็นเลี้ยงสัตว์เพื่อขาย เพราะเรามีปัญญาทำได้อย่างนี้ ไม่มีปัญญาทำด้านอื่น เราก็ทำไป ผลแห่งการกระทำ ย่อมมีวิบากสนองไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งไม่ว่าทำอะไร มันก็มีผลของมันทุกอย่างอยู่แล้ว

ผลนี้ เรายอมรับมันได้ไหม ถ้ารู้แล้วเกิดความกลัว ทำให้มีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก มันก็ไม่รู้จะรู้ไปทำไม

คำว่า สัมมาอาชีโวในอริยมรรค ไม่ใช่การประกอบอาชีพของชาวโลกเขา

แต่เป็นเครื่องดำเนินจิต เอากุศลจิต ที่เกิดจากการกระทำ ทาง กาย วาจา ใจ เป็นอาชีพหล่อเลี้ยงจิต ในที่นี้หมายถึง ผู้มีปัญญา มีสติที่เป็นศีล

จะเดินจะก้าวจะเหยียดจะเหลียวจะคู้จะเหยียด ก็ดำเนินไปด้วยสติ

ผัสสะกับอะไร ทางอายตนะ ก็ไม่ไหลไปตามกระแสง่ายๆ มีสติพิจารณา ลด ละ เลิก ในกระแสแห่งผัสสะที่เชี่ยวกราดที่เกิดขึ้นกับเจ้าของ ให้ทุเลาเบาบางลงไปได้ นี่ เรียกว่า เป็นผู้เดินทางมรรค เป็นอาชีพชอบในการนำมาเป็นเครื่องดำเนิน หล่อเลี้ยงจิต

เรียกว่า สัมมา อาชีโว เรียกง่ายๆ ว่าเป็นผู้มีศีล มีความละอายต่อบาป ในการที่จะเบียดเบียน ขโมย เป็นชู้ และโกหกผู้อื่น ให้เขาเดือดร้อนเพราะเรา นี่..เรียกว่า เป็นผู้มีอาชีพชอบ คือเป็นผู้มีจิตอันเป็นกุศล จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้มีสัมมาอาชีโว คือมีอาชีพชอบ

>> ลูกศิษย์ 2 : แสดงว่าอาชีพที่ชาวโลก ทำกันไม่ผิด…ทั้งเลี้ยงสัตว์เพื่อขาย ขายอุปกรณล่าสัตว์ ไม่บาป

<< พระอาจารย์ : บาปมันเกิดจากการกระทำที่เป็นเจตนา เรียกว่ากรรม กอไผ่ เราขายชีวิตผู้อื่น เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตเรา ผลมีเหตุปัจจัยเยอะแยะที่จะเกิด ขึ้นอยู่กับเจตนาและเหตุ

เราขายสัตว์เพื่อให้เขาไปฆ่ากิน เราก็รับผลวิบากส่วนหนึ่ง คืออายุสั้น และโรคภัย วิบากมันย่อมมีตามความแรงแห่งเจตนา เพราะมีเหตุแห่งการกระทำ การทำอะไร จะดีจะชั่วมันก็มีผลของความดีชั่วอยู่แล้ว

>> ลูกศิษย์ 3 : พระอาจารย์ครับ ผมอยากทราบว่า ถ้าเราบวชโดยที่เรามีภาระหน้าที่ ต้องรับผิดชอบอยู่ เช่น พ่อ แม่ เราต้องส่งเงินให้ท่าน การที่เราไปออกบวช ถือว่า เราผิดไหมครับ

<< พระอาจารย์ : มันขึ้นอยู่กับเจตนาจิต สะมะ ศักดิ์

ผิดถูกนี่เป็นเรื่องที่โลกเขาสมมุติขึ้นมา ว่านี่นั่นถูกผิด หากถูกใจมันก็ถูก เพราะมันเห็นด้วย ว่าสมควร

หากไม่ถูกใจมันก็ผิด เพราะไม่เห็นด้วย ว่าไม่สมควร ถูกผิดมันขึ้นอยู่กับคน ว่าจะเอนเอียงไปทางไหน

หากพ่อแม่เราท่านมีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ เราบวชแล้วยังต้องส่งเงินให้ท่าน อย่างนี้ไม่ถูก ลงนรกหมด ทั้งพระทั้งพ่อทั้งแม่

แต่หากท่านช่วยตัวเองไม่ได้ หลังจากเราบวช หากเรามีจิตเจริญมาทางพ้นทุกข์ เห็นว่าความเป็นเพศบรรพชิต ช่วยให้เราสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ ดีกว่าการออกไปเป็นฆราวาส

คิดเช่นนี้ หากนำเอาปัจจัยเช่นอาหาร ไปหล่อเลี้ยงตามอัตภาพ ก็ไม่ถือว่าผิด เช่นนี้กลับเป็นบุคคลน่าสรรเสริญ

หากเราทิ้งขว้างพ่อแม่มา ทั้งๆ ที่เขาลำบากช่วยตัวเองไม่ได้ เรียกว่าหนีมาบวช เช่นนี้ไม่ถูก เป็นบาปในใจเราเข้าถึงมรรคผลไม่ได้ เพราะใจมันแสดงผลอยู่ ว่าโหดร้าย

หากท่านพอเลี้ยงดูตนเองได้ และเราปราถนาบวช การจุนเจือเอาทรัพย์สินส่งให้ อย่างนี้เป็นบาป เรียกว่าขโมยของสงฆ์ มีผลคือนรกเป็นที่ไป เรียกว่าไปกันทั้งเราทั้งพ่อทั้งแม่ เพราะต่างยินดีในลาภแห่งสงฆ์

เรื่องพวกนี้มันมีรายละเอียด และมีผลต่อมรรคผล หากมีโอกาสมาฟังการแสดงสด ก็จักเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

การบวชนี้สำคัญ หากขาดปัญญาและผู้ชี้ที่ถูก ก็จะเป็นการหลอกลวงตนเองและชาวโลก ในพุทธบริษัทเลี้ยงชีพทันที ผลอันเป็นวิบาก มันแรงหลายๆ

เพียงแต่ผู้เสพอยู่ มองไม่เห็น และโทษภัยยังมาไม่ถึงเท่านั้น แต่ก็เกิด เหมือนเราต้องตาย แม้ยังไม่เห็นความตายแห่งกายเรา

หากเรามีเหตุอยู่แล้ว คือครอบครัวลำบาก เราอย่าบวช บวชแล้วกังวล มีผลบาปทางใจ

หากบวชเขาอยู่ได้ แล้วลำบากภายหลัง นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องเผชิญชีวิตกันไปตามผลวิบากเขา หากเราเห็นว่าการบวชของเรา เป็นเหตุให้ก้าวถึงความพ้นทุกข์ได้ อย่างนี้ต้องตัดใจ ต่างดำเนินใจไปตามวิถีตน

>> ลูกศิษย์ 4 หนูเป็นเมียน้อยเขา เพราะความไม่รู้เป็นเหตุ มารู้ภายหลังว่าเขามีภรรยาแล้ว หนูต้องเสียความสาวให้กับคนที่ไว้ใจ มีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอีก

หนูกลุ้มมาก จะฆ่าตัวตายตั้งหลายครั้ง สงสารลูกและชีวิตที่อดสูเหลือเกิน สงสารเมียเขาด้วย บาปหนูก็กลัว อย่างนี้หนูต้องลงนรกต้นงิ้วไหมค่ะ หนูจะทำไงดีเจ้าค่ะ

<< พระอาจารย์ หากสิ้นหนทาง และใจยังยึดติดอยู่กับบ่วง คือความสาว และมีลูก เป็นเมียเขาเพราะความไม่รู้ ไม่ลงนรกหรอกหนู คนที่ต้องลงคือผู้ชาย

หนูอยู่ในสภาพเมียน้อย ถ้าไม่ราวีเมียหลวงหรือให้ผู้ชายเลือกและทิ้งขว้างเมียหลวง วิบากในการลงนรกเพราะเรื่องนี้ ส่งผลไม่ได้

หากการทนเป็นเมียน้อยรู้สึกบาป การฆ่าตัวตายเพราะการเป็นเมียน้อย บาปกว่ามากๆ  ยิ่งมีลูกด้วย

หากมีกำลังเลี้ยงตนเองได้ มีรูปอันเป็นทรัพย์ และตัดใจในสิ่งที่พลาดได้ ก็ให้ถอยออกมา ยอมรับวิบากที่เราต้องสูญเสียไป ดูแลลูก และหาผัวใหม่ที่ไม่มีเมีย ซึ่งหายากชิบหาย ใจจะได้ไม่ต้องทุกข์

หากตัดใจไม่ได้ ไม่มีกำลังแห่งปัญญาพอ ก็ยอมรับวิบากในการเป็นเมียน้อยไป แต่พึงจำไว้ ผู้ชายมีเมียน้อยได้ คือโจรที่หลอกลวงผู้หญิงอยู่แล้ว

อยู่กับโจรก็ต้องทำใจ ว่าวันหนึ่งโจรตัวนี้ ก็ย่อมออกไปขโมยกระชากใจของเรา เมื่อเจอสาวที่ถูกใจอีก ไม่รู้จบ

สันดานแห่งโจรก็คือโจร ขุดยังไงก็ไม่หาย เมื่อทนอยู่กับโจร ก็ทำใจยอมรับความเป็นโจรในตัวโจรด้วยนะหนู

เช้านี้ต้องขอตัวแล้วครับ เพื่อนสหธรรมมิกมากันหลายท่าน ขอขอบคุณครับ..

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง โกหกที่เป็นบาป.. ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจายธรรมกะ บุญญพลัง