ถามตอบ.. เจ้าของแห่งธรรม

ถามตอบ.. เจ้าของแห่งธรรม

589
0
แบ่งปัน
>> ลูกศิษย์ : กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าเป็นอย่างสูง ที่ได้เมตตาในธรรมในวันนี้ครับ ดังนั้นปัญญาคือผลที่เกิดขึ้นใจจิต…ส่วนวิธีการให้เกิดปัญญานั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนใขและปัจจัยของแต่ละบุคคลต่างกันไป…ใช่ไหมครับ..แต่สุดสุดท้ายทำให้เรารู้ เข้าใจ ละ ปล่อยวาง..(ปัญญาทางธรรม)

ถามตอบ.. เจ้าของแห่งธรรมที่มาของปัญญาเปรียบเสมือนการจุดไฟเพื่อให้เกิดแสงสว่าง การจุดไฟมีหลายวิธีเพื่อให้เกิดไฟ เมื่อจุดไฟติดแล้วก็จะเกิดความสว่าง ความสว่างคงเปรียบดังตัวปัญญาที่เกิดขึ้น ที่เมื่อมันสว่างแล้วในเรื่องนั้นๆ มันก็ไม่กลับมามืดอีก…

ส่วนความมืด(ไม่รู้)เรื่องอื่นๆ เมื่อเรารู้วิธีจุดไฟแล้วคงสามารถจุดได้ทุกเมื่อ เพื่อทำให้ทุกเรื่องสว่าง จนถึงขั้นละอาสาวะกิเลสทั้งหลายทั้งปวง…แต่ก็อีกนั้นแหละครับ..

.ส่วนมากที่เราเล่าเรียน จากการอ่านการฟังมันก็ถึงแค่สัญญา..ไม่ได้เกิดตัวปัญญาที่จะทำให้ละ ปล่อยวาง หรือเผากิเลสได้สำหรับคนปุถุชนอย่างพวกกระผม….

ดังนั้นกระบวนการที่จะทำให้เกิดปัญญาได้คงหรือทางเดียวคือการปฏิบัติอย่างยิ่งยวดและถูกทางถูกหลัก พร้อมทั้งมีครูอาจาร์ยเป็นคนชี้แนะในแต่ละขั้นตอนเพื่อหาวิธีการจุดไฟให้เป็น ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจตามเขียนข้างต้นถูกต้องไหมครับ..

ที่มาคือผมอ่านหนังสือธรรมะมาได้ประมาณ 30 ปีแล้วครับแต่ได้แค่สัญญาเท่านั้น…หรือได้แค่ปัญญาเบื้องต้นเท่านั้น ที่ทำให้ผมอยู่ในกลุ่มสัมมาทิฐิ รู้ดี รู้ชั่ว รู้ทางที่เป็นกุศล และอบาย…ส่วนปัญญาขั้นสูงยังต้องหาทางอยู่ครับ..

ดังนั้นสิ่งที่พระไตรปิฏกไม่ได้เขียนไว้คือ..สภาวะของตัวปัญญาทีเกิดขณะที่มันทำหน้าที่ในการซัดกับกิเลสว่ามันเป็นเช่นไร….มันคงเป็นนามธรรม..

เหมือนความรู้สึกว่าร้อน 1000 องศา ร้อนขนาดไหน..มันคงบอกกันไม่ได้ต้องเจอเองมันถึงจะรู้.…หรือที่บอกว่ารู้ได้เฉพาะตน…ถูกไหมครับ…..ขอกราบพระคุณพระคุณเจ้าครับ. สาธุๆๆ

<< พระอาจารย์ : กล่าวได้น่าฟัง สำหรับผู้มีภูมิความรู้ธรรม อย่างมีนา มีโอกาส มาถกธรรมและฟังกันสดๆ ซิ ที่เกาะบุญญพลัง ยินดีต้อนรับ ความอึดอัก อาจแก้นิดเดียว ก็กระจ่างจิต และจะไม่โมฆะ ที่เรียนรู้มากว่า 30 ปี

ธรรมทางเฟส มันเหมือนกล้องส่อง มองเห็น แต่คว้าไม่ถึง

เราอย่าพึงไปเอาอะไรกับมันมากมานนัก

ทางตำราก็เหมือนกัน เหมือนส่องกล้องมองไป คว้าเท่าไหร่ก็ไม่ถึง อย่างที่ตาเห็น

ธรรมทั้งหลายที่สอดส่องกัน ยอมรับกันซะ ว่ามันมองผ่านเลนส์ ความเห็น เป็นแค่อากาศ มันเป็นได้แค่ความรู้ ไม่ใช่ความจริง

เมื่อลงมือก้าวเดินไปยังสิ่งที่เห็น เพื่อเข้าไปสู่ความจริง ตามที่เห็น

หากกำลังก้าวไปถึงในสิ่งที่เห็น และได้สัมผัสจับต้องจริงๆ

มันจะเข้าใจโดยไม่ต้องถามใคร หรือสงสัยอะไรใดๆ อีกเลย

ว่าความจริงในสิ่งที่เห็นทั้งหลาย เมื่อมาสัมผัสจับต้องได้จริ

ความจริงทั้งหลายนั้น มีความจริงที่ยิ่งๆไปซุกซ่อนอยู่ ความจริงที่เป็นเนื้อแท้แห่งความจริง

รู้ไหม… ความจริงทั้งหลายมันเป็นแค่….สมมุติ

เพียงแต่ระยะทางแห่งการ เดินมาเจอความจริงทั้งหลาย แต่ละคน มันมีหนทางไม่เท่ากัน.. การรู้ถึงสมมุติ จึงแตกต่างกัน

รู้สมมุตินี้ เป็นปัญญา สมมุติทั้งหลายที่มีค่า จึงกลายเป็นแค่มายา

เป็นมายาที่หลอกหลอนใจมิได้

สมมุติทั้งหลาย จึงกลายเป็นวิมุติแห่งใจ ที่ไร้สาระแห่งการไขว่คว้า และครอบครอง..

>> ลูกศิษย์ : กราบนมัสการ..ผมมันคนชอบคิด..พิจารณา..และเทียบเคียง....ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ…ยังคาใจอยู่ว่า..เมื่อไม่มีเรา..แล้วผัสสะจะมาได้ยังงัย..

เพราะผัสสะมันต้องมีเจ้าของซิ..ฮ่าๆ เอาไปเทียบเคียงกับเด็กที่โดนทำแท้งแล้วเกิดความอาฆาตดู…ว่าเพราะเด็กยังยึดมั่นในตัวเอง(นี้คืออวิชชาที่ผมเข้าใจ)

เพราะความไม่รู้แต่ยึดกาย….จึงอาฆาต…..แล้วก็เทียบเคียงกับ…อวิชชาของอาจารย์ว่า….ผัสสะ…..เวทนา..และตัณหา….จึงเห็นว่า…อ้าวอาฆาตนั้นก็ตัวตันหานี้..มันก็ไม่รู้เหมือนกันมันจึงเกิด….ฮ่าๆๆ…

ผมจึงเข้าใจว่าเขาเข้าใจสภาวะแบบนี้จึงเรียกอวิชชา….เพราะมันเลยไปเป็นภพชาติได้จริงครับ….แต่ผมไปเห็นจุดอื่นที่เป็นอวิชชา….

.คือมีสติรู้ตัวครั้งแรกแล้วเราก็ยึดในความเป็นเรา……ซึ่งมันก็โยงไปถึงภพชาติได้เช่นเดียวกันครับ(แต่ใช้กำลังในความเข้าใจเยอะครับ)….

แค่คนละภาษา.เท่านั้น….แต่ธรรมอันเดียวกัน…แต่มันก็มาจบลงที่..เป็นแค่ปัญารู้เท่านั้นเอง…ยังอีกไกลครับ.….กราบนมัสการ…..

<< พระอาจารย์ : การกล่าวธรรม เรากล่าวให้ใครฟังก็แล้วแต่ ให้กล่าวเหตุและผลแห่งธรรมนั้นๆ และกล่าวถึงกาล ที่กล่าวด้วย

ผู้ฟังผู้รับ จะได้เข้าใจเหตุ ที่ไปและที่มา ไม่งั้น เราก็เหมือนกล่าวให้เราฟังอยู่คนเดียว

เมื่อผู้ฟังตีความหมาย เขาก็ย่อมเข้าใจไปตามความหมายที่เขาแปล ที่เขาฟังและตามที่เขาเข้าใ

บางเรื่องก็เลย ดูว่าเหมือนพูดคนละเรื่อง นี่เหตุเพราะไม่เข้าใจกาล ในการพูดอธิบาย บางเรื่องก็คุยลึกเกินไป เรียกว่าค้นคิดลงลึกไป มันเป็นตัวเราค้นความคิดที่ลึกซับซ้อน และไปเป็นเจ้าจองมันซะ

เราพูดถึงไข่ อธิบายถึงไข่ หากไม่บอกว่านี่เป็นไข่ไก่ มันก็อาจตีไปเป็น ไข่เป็ดไข่นกไข่ห่านไปโน้น

ดีไม่ดี เข้าใจว่าเป็นไข่แมว มันก็ยิ่งไปคนละเรื่องกันอีก ใครไม่เข้าใจอะไรตรงไหน มีโอกาสก็มานั่งโม้กันที่เกาะ ฟังกันสดๆ รู้เรื่องกว่าเยอะ

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง รู้ธรรมจริง …..ไม่จำเป็นต้องท่องจำ คำบาลี ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง