พรหมวิหารธรรม… 

พรหมวิหารธรรม… 

4103
0
แบ่งปัน

ธรรมช่วงนี้ เป็นธรรมถึกที่ลึกและมึนๆ กันหน่อย ที่จริงมันก็ไม่ลึกหรอก เพียงแต่เแกะออกมาให้มันละเอียดและเคี้ยวง่ายขึ้น

พรหมวิหารธรรม... ที่จริง ความหมายธรรมที่เขียนมาทางบาลี ผู้แปลใช่ว่าจะเข้าถึงธรรมกัน ธรรมตามตำรา ก็ต่อยอดมาจากตำรา ที่มาจากการเรียนแล้วคาดว่าและคิดเอา 

เราทั้งหลายจึงไม่ค่อยจะเข้าใจในนิยามอันหลากหลาย และต่างกาลกันแบบเข้าใจเลย นานแสนนาน กว่าจะมีผู้ขยายธรรมออกมา ให้เราเข้าใจด้วย คนอื่นเข้าใจด้วย

ด้วยคำและภาษาง่ายๆ โดยการอธิบายอะไรที่คิดว่ายากๆ ออกมา ธรรมเหล่านี้ ตื้นสำหรับผู้ที่เข้าใจแล้ว แต่มันลึก สำหรับผู้ที่เริ่มหัดว่าย

เรื่องธรรมนี้ ผัสสะตอนไหนไหลตอนนั้น นี่คือธรรม ใจมันไม่เก็บมาเป็นความทรงจำอะไรมากมายหรอก ฉะนั้นสำหรับข้าเอง กล่าวแล้วกล่าวเลย กล่าวธรรมกันสดๆ

ธรรมทั้งหลายที่รับปากไว้ ต้องกระตุ้นเข้ามาเรื่อยๆ เราจะได้ฟังกัน ไม่ได้ลืม แต่มันไม่จำ แม้แต่ธรรมที่กำลังแสดง แต่การแสดง มันย่อมหาข้อแย้งไม่ได้ นั่นเป็นธรรม

>> ลูกศิษย์ : พระอาจารย์เคยบอกว่า อยากให้แสดงธรรมอะไรให้เตือนด้วยเผื่อพระอาจารย์ลืม … อยากฟังเรื่องพรหมวิหารธรรม โดยเฉพาะความเกี่ยวเนื่องของสติปัฏฐานกับพรหมวิหารขอรับ แล้วแต่พระอาจารย์จะสงเคราะห์ครับ

>> พระอาจารย์ : อ้อ…Pom Moq ถามเรื่องพรหมวิหารธรรม งั้นโม้เลยอย่างป่าๆ พรหมวิหารธรรมนี้

เป็นธรรมชาติเครื่องอยู่ของผู้ มีใจเป็นศีล

ผู้มีใจเป็นศีล อาศัยความเป็นผู้สำรวม ทางกาย วาจา ใจ

ผู้สำรวมได้ อาศัย การมีสติสอดส่องใจ

การจะมีสติสอดส่องใจ เกิดจากการพิจารณาใคร่ครวญผัสสะรอบๆ ใจ ที่มันโดนกระทบ

ผู้ที่มีการพิจารณา อาศัยศรัทธา ที่เห็นจริงในธรรมที่เป็นธรรมดา

ผู้ที่มีศรัทธา อาศัยได้รับการชี้แนะ ธรรมจากสัตบุรุษ ตรงตามความเป็นจริง

ผู้ได้รับการชี้แนะธรรม และเห็นจริงได้ อาศัยการลดตัวตน ทิฏฐิมานะที่เชี่ยวกราดของเจ้าตัวลง และเกิดตัวนะโม คือความนอบน้อมใจที่จะฟัง

ผู้มีใจเป็นนะโม อาศัยการเริ่มให้ทาน คือความมีเมตตาเป็นเหตุ

กระบวนการเหล่านี้ วนไปทั้งไปและกลับ อยู่เนืองๆ จนใจเป็นศีลอย่างเต็มภูมิ

ศีล  คือความละอายชั่วกลัวบาป ต่อใจตนและใจผู้อื่น ในอริยาบททั้งสี่ คือ ยืน เดิน นอน นั่ง

คนใจเป็นศีล ก็จะมีเครื่องอยู่ประจำใจ นั้นก็คือ

ใจที่มีความ เมตตา

ใจที่มีความ กรุณา

ใจที่มีความ มุทิตา

ใจที่มีความ เป็นอุเบกขา

นี่…ใจที่เป็นศีล เรียกว่า เป็นใจที่มีพรหมจรรย์เป็นเครื่องอยู่

ใจที่มีเมตตา ก็หมายความว่า เป็นใจในขั้นศีล ที่ให้อภัย ต่อตนเองและผู้อื่น ตามเหตุปัจจัย เป็นพรหมจรรย์ใจชื่อเรียก พระพักต์แห่งความเป็นพรหมจรรย์

พระพักต์ที่หนึ่ง ความเป็นพรหมจรรย์นี้ มี สี่ทาง เริ่มด้วย เมตตา เป็นทางเอก ที่ท่านกล่าวว่า พระพรหมมีสี่หน้า

ท่านกล่าวมาด้วยเหตุนี้ แต่ละหน้าท่านมีชื่อเรียกของท่าน คือ ท่านเมตตา ท่านกรุณา ท่านมุทิตา ท่านอุเบกขา นี่ แต่ละหน้าท่านมีชื่ออย่างนี

คำว่าพรหม เป็นชื่อแห่งความเป็นพรหมจรรย์ คืออาศัยความบริสุทธิ์แห่งใจ เป็นที่ตั้ง

ใจที่มีศีล อย่างวิมุติศีล คือเป็นศีลที่เกิดจากการเห็นจริงในธรรมดา เรียกว่าเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม ได้ชื่อว่าเป็นพรหม

พรหมนี้ มีทั้งความเป็นพรหมทางโลกิยะและความเป็นพรหมทางโลกุตระ

พรหมทางโลกิยะ ก็ดำเนินด้วยศีลสมมุติ

ส่วนพรหมทางโลกุตระ ก็ดำเนินด้วยศีลแห่งวิมุติ

ถ้าอธิบายเรื่องศีล สมมุติและศีลแห่งวิมุติ มันก็ยาวอีก หากติดตามอ่านธรรมมาตลอด เราจะเข้าใจ คำว่าศีล สองตัวนี้ ที่ยากจะมีใครให้นิยาม และอธิบายให้หมู่เราเข้าใจ

ผู้ที่เจริญมาทางเมตตา ความกรุณาย่อมเกิดขึ้นในใจ

ผู้ที่เจริญมาทางกรุณา ความมีมุทิตาจิต ย่อมเกิดขึ้นในใจ

ผู้ที่เจริญมาทางมุทิตาจิต ความมีอุเบกขา ย่อมเกิดขึ้นในใจ

เพราะทั้ง เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นพรหมจรรย์ที่เกิดขึ้นกับใจของผู้มีศีลอยู่แล้ว มันซ้อนตัวเองคลุกเคล้าอยู่ในใจที่เป็นศีลอยู่แล้ว

คนมีเมตตา ย่อมมีอภัย เป็นมิตรต่อสรรพสิ่งน้อยใหญ่ ตามกำลังใจ ของสติและปัญญา นี่..เมตตา

เมื่อเมตตามี ความกรุณา คือการให้ การใส่ใจ ไม่ประสงค์ร้าย เบิกบาน แจ่มใสในใจก็เกิด ต่อสรรพสิ่ง นี่..ใจกรุณา

ใจที่มีความเมตตา กรุณา ย่อมมีมุทิตา คือยินดี ชื่นชม สรรเสริญ ความประเสริฐทั้งหลาย ที่มีต่อมวลสรรพสิ่ง นี่..เป็นใจมุทิตา

ใจที่มีความเป็นมุทิตา ย่อมปล่อยวาง สรรพสิ่ง ที่เป็นข้าศึกแห่งใจตนเองและผู้อื่น ตามกำลังของสติและปัญญา แห่งตนเท่าที่มี นี่คือใจที่เป็น อุเบกขา

พรหมวิหาร หมายถึง เครื่องอยู่แห่งความเป็นพรหมจรรย์แห่งใจทั้งสี่

พรหมวิหารธรรม หมายถึง ความเป็นธรรมดาของใจ ที่มีเครื่องอยู่อย่างเป็นพรหมจรรย์

ผู้ที่จะก้าวไปถึงความเป็นพรหมได้ คือผู้มีศีล ไม่ใช่ ต้องนั่งสมาธิแล้วได้ฌานจึงจะได้เกิดเป็นพรหม กล่าวอย่างนั้นช่างโง่หลาย

แต่เช้านี้ขี้เกียจอธิบาย การทำใจเข้าสู่ความเป็นพรหมเทวา มันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีก

เช้านี้คงพอแค่นี้ สวัสดีทุกคน ขอให้เช้านี้ ใจเป็นพรหมกันทั่วหน้า หวัดดี..!!

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง เหตุแห่งอวิชา…..ถามตอบ ท่อน 3 ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง