ธรรมช่วงนี้ เป็นธรรมถึกที่ลึกและมึนๆ กันหน่อย ที่จริงมันก็ไม่ลึกหรอก เพียงแต่เแกะออกมาให้มันละเ
ที่จริง ความหมายธรรมที่เขียนมาทางบ
เราทั้งหลายจึงไม่ค่อยจะเข้
ด้วยคำและภาษาง่ายๆ โดยการอธิบายอะไรที่คิดว่าย
เรื่องธรรมนี้ ผัสสะตอนไหนไหลตอนนั้น นี่คือธรรม ใจมันไม่เก็บมาเป็นความทรงจ
ธรรมทั้งหลายที่รับปากไว้ ต้องกระตุ้นเข้ามาเรื่อยๆ เราจะได้ฟังกัน ไม่ได้ลืม แต่มันไม่จำ แม้แต่ธรรมที่กำลังแสดง แต่การแสดง มันย่อมหาข้อแย้งไม่ได้ นั่นเป็นธรรม
>> ลูกศิษย์ : พระอาจารย์เคยบอกว่า อยากให้แสดงธรรมอะไรให้เตือ
>> พระอาจารย์ : อ้อ…Pom Moq ถามเรื่องพรหมวิหารธรรม งั้นโม้เลยอย่างป่าๆ พรหมวิหารธรรมนี้
เป็นธรรมชาติเครื่องอยู่ของ
ผู้มีใจเป็นศีล อาศัยความเป็นผู้สำรวม ทางกาย วาจา ใจ
ผู้สำรวมได้ อาศัย การมีสติสอดส่องใจ
การจะมีสติสอดส่องใจ เกิดจากการพิจารณาใคร่ครวญผ
ผู้ที่มีการพิจารณา อาศัยศรัทธา ที่เห็นจริงในธรรมที่เป็นธร
ผู้ที่มีศรัทธา อาศัยได้รับการชี้แนะ ธรรมจากสัตบุรุษ ตรงตามความเป็นจริง
ผู้ได้รับการชี้แนะธรรม และเห็นจริงได้ อาศัยการลดตัวตน ทิฏฐิมานะที่เชี่ยวกราดของเ
ผู้มีใจเป็นนะโม อาศัยการเริ่มให้ทาน คือความมีเมตตาเป็นเหตุ
กระบวนการเหล่านี้ วนไปทั้งไปและกลับ อยู่เนืองๆ จนใจเป็นศีลอย่างเต็มภูมิ
ศีล คือความละอายชั่วกลัวบาป
คนใจเป็นศีล ก็จะมีเครื่องอยู่ประจำใจ นั้นก็คือ
ใจที่มีความ เมตตา
ใจที่มีความ กรุณา
ใจที่มีความ มุทิตา
ใจที่มีความ เป็นอุเบกขา
นี่…ใจที่เป็นศีล เรียกว่า เป็นใจที่มีพรหมจรรย์เป็นเค
ใจที่มีเมตตา ก็หมายความว่า เป็นใจในขั้นศีล ที่ให้อภัย ต่อตนเองและผู้อื่น ตามเหตุปัจจัย เป็นพรหมจรรย์ใจชื่อเรียก พระพักต์แห่งความเป็นพรหมจร
พระพักต์ที่หนึ่ง ความเป็นพรหมจรรย์นี้ มี สี่ทาง เริ่มด้วย เมตตา เป็นทางเอก ที่ท่านกล่าวว่า พระพรหมมีสี่หน้า
ท่านกล่าวมาด้วยเหตุนี้ แต่ละหน้าท่านมีชื่อเรียกขอ
คำว่าพรหม เป็นชื่อแห่งความเป็นพรหมจร
ใจที่มีศีล อย่างวิมุติศีล คือเป็นศีลที่เกิดจากการเห็
พรหมนี้ มีทั้งความเป็นพรหมทางโลกิย
พรหมทางโลกิยะ ก็ดำเนินด้วยศีลสมมุติ
ส่วนพรหมทางโลกุตระ ก็ดำเนินด้วยศีลแห่งวิมุติ
ถ้าอธิบายเรื่องศีล สมมุติและศีลแห่งวิมุติ มันก็ยาวอีก หากติดตามอ่านธรรมมาตลอด เราจะเข้าใจ คำว่าศีล สองตัวนี้ ที่ยากจะมีใครให้นิยาม และอธิบายให้หมู่เราเข้าใจ
ผู้ที่เจริญมาทางเมตตา ความกรุณาย่อมเกิดขึ้นในใจ
ผู้ที่เจริญมาทางกรุณา ความมีมุทิตาจิต ย่อมเกิดขึ้นในใจ
ผู้ที่เจริญมาทางมุทิตาจิต ความมีอุเบกขา ย่อมเกิดขึ้นในใจ
เพราะทั้ง เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นพรหมจรรย์ที่เกิดขึ้นกั
คนมีเมตตา ย่อมมีอภัย เป็นมิตรต่อสรรพสิ่งน้อยใหญ
เมื่อเมตตามี ความกรุณา คือการให้ การใส่ใจ ไม่ประสงค์ร้าย เบิกบาน แจ่มใสในใจก็เกิด ต่อสรรพสิ่ง นี่..ใจกรุณา
ใจที่มีความเมตตา กรุณา ย่อมมีมุทิตา คือยินดี ชื่นชม สรรเสริญ ความประเสริฐทั้งหลาย ที่มีต่อมวลสรรพสิ่ง นี่..เป็นใจมุทิตา
ใจที่มีความเป็นมุทิตา ย่อมปล่อยวาง สรรพสิ่ง ที่เป็นข้าศึกแห่งใจตนเองแล
พรหมวิหาร หมายถึง เครื่องอยู่แห่งความเป็นพรห
พรหมวิหารธรรม หมายถึง ความเป็นธรรมดาของใจ ที่มีเครื่องอยู่อย่างเป็นพ
ผู้ที่จะก้าวไปถึงความเป็นพ
แต่เช้านี้ขี้เกียจอธิบาย การทำใจเข้าสู่ความเป็นพรหม
เช้านี้คงพอแค่นี้ สวัสดีทุกคน ขอให้เช้านี้ ใจเป็นพรหมกันทั่วหน้า หวัดดี..!!
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง เหตุแห่งอวิชา…..ถามตอบ ท่อน 3 ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง