ธรรมเหล่านี้มันลึกซึ้ง และแจงให้หมู่เราฟัง มันจะเข้าใจยากนะครับ เพราะมันไปค้านกับการรู้การ
การรู้การจำมามันก็ถูก แต่มันข้ามช่องว่างแห่งกาลไ
พวกเราเข้าใจธรรมกันอย่างจด
ที่จริงความหมายมันก็คือหลุ
พูดง่ายๆ ว่าหลุดพ้นจากสมมุตินั่นเอง
สมมุติที่เรายึด เมื่อเห็นแจ้ง มันก็จะเปลี่ยนแปลงอุปาทานน
การหลุดพ้นมันหลุดพ้นจากควา
วิมุตติ..คือรู้แจ้งในสมมุติ แบ่งแยกออกไปอีกคือ มันรู้ได้ด้วยการบรรลุ รู้โด
ส่วนการตรึกตรอง ผ่านกระบวนการ พิจารณาจนรู้แจ้ง นี่เรียกว่า เป็นปัญญาวิมุติ
สองตัวนี้ เป็นชื่อเรียกของอาการเข้าถ
ปุถุชนทั้งหลาย ย่อมเข้าถึงเจโต และ ปัญญาวิมุตติได้ เมื่อเริ่มดำเนินตั้งสติ เฝ้าสอดส่องกาย
เมื่อไหร่ที่เห็นเวทนาชัด ว่าไม่ใช่เราเป็น หรือกายมันเป็นตัวเรา สามารถแยกย่อย เห็นความจริงอันละเอียดที่ซ
อันตัวเจ้าของนี้ กายก็อย่างหนึ่ง เวทนาก็อย่างหนึ่ง ผู้เห็นอาการทั้งหลายนี้ ก็อย่างหนึ่ง
เมื่อมันประจักษ์ใจเช่นนี้ จะมีเจ้าของหรือไม่มีเจ้าขอ
เพราะเป็นวิมุตติที่ออกมา จากสมมุติคืออุปาทาน ว่าเป็นตัวเรา เขา สัตว์ บุคคล สิ่งของ
แท้จริงแล้ว มันเป็นของมันเช่นนั้น ไม่มีใครไปเป็นเจ้าของ แต่ที่มีเจ้าของ มันเกิดจากโปรแกรม เวทนาที่อาศัยผัสสะตัวนี้
นี่..เรียกว่า เป็นผู้มีเรือนกายอันต้องธร
นี่…แม้จะเป็นคนทุศีล เป็นคนหยาบ เป็นคนไม่ดี เป็นคนไม่เอาไหน แต่ถ้าใจได้ต้องกับธรรม อันเป็นเจโตและปัญญาวิมุติ
ธรรมนี้ จะมาสางใจเขาให้บริสุทธิ์ได
นี่..เรียกว่า มนุษย์ธรรม เป็นมนุษย์ขั้นใจที่เป็นศีล
คือรู้ชัดว่ากายนี้ อาศัยเหตุและผลเป็นปัจจัยก่
สอง..ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว เพราะมันเด่นชัดประจักษ์ใจ
สาม.. ความงมงายทั้งหลายที่ไร้เหต
นี่แหละ ใจมันต้องกับธรรม เป็นใจที่ดำเนินมาทาง โลกุตระธรรม แต่ก็ยังแสดงตัวอยู่ในโลกิย
นี่..การเข้าถึง กายและเวทนา ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ส่วนจิตและธรรม เป็นภูมิที่ต้องมีกำลังแห่ง
เรื่องจิตนี้ เป็นวิปัสสนาญาณ ในขั้นศีลที่เป็นสมาธิ และมีปัญญาญาณเป็นองค์ประกอ
เพราะการที่จะไปวินิจฉัย โปรแกรมแห่งเวทนา ว่ามันอย่างนี้อย่างนั้นตาม
ภูมิแห่งจิตนี้ เป็นภูมิอนาคามีล้วนๆ ขั้นศีลปัญญาเข้าไม่ถึง เพราะทั้งหลายที่เวทนามี มันอาศัยจิตที่ปรุงขึ้นมาเป
สมมุตินี้นี่แหละ จิตมันไม่รู้ว่ามันคือสมมุต
ตรงนี้อยู่ในภูมิธรรม ที่ต้องอาศัยมหาสติมหาปัญญา
แต่ถ้ามหาสติมหาปัญญามันตีไ
นี่….จิตที่เป็นวิมุตติทั
” สรรพสิ่งล้วนมีเหตุ เหตุนี้คือสมมุติ
ดับเหตุคือวิมุตติ
สมมุติคือตัวอวิชชา
อวิชชาเป็นที่มาแห่งเหตุทั้
นี่คือธรรม ในหลักผลแห่งสติปัฏฐาน อาศัยอริยาบททั้งสี่ เป็นเครื่องดำเนิน เย็นนี้ ขอสาธุคุณ….หวัดดีครับ
ว่าจะโม้กันเป็นประโยคต่อปร
เดี๋ยวเจ้านายแช่งเอา จึงโม้มาพรืดดดดดเดียวเลย ดีไหมอย่างนี้
>> คำถาม : ท่านอธิบายได้เป็นกันเองมาก
<< พระอาจารย์ : ที่อธิบายเมื่อกี้สองท่อนนั
นี่ชี้ให้เห็นเหตุและเส้นทา
ไม่ใช่ว่า มาอธิบายความหมายเป็นข้อๆ ซึ่งหากจะอธิบายเป็นข้อๆ มันก็จะขยายจนเข้าไม่ถึงอีก
ส่วนการปฏิบัติ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ธรรมวันนี้จึงเป็นความรู้ที
ที่ไม่ได้อธิบายเรื่องจิตแล
เอากันพอเหมาะสำหรับภูมิเรา
ผู้ดำเนินมาทางธรรมนั้นมีน้
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง กายานุปัสนาสติกรรมฐาน…. อธิบายตามธรรมป่าๆ ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง