อานิสงส์..แห่งการถวายเรือ ต่อมาอีกหน่อย

อานิสงส์..แห่งการถวายเรือ ต่อมาอีกหน่อย

1020
0
แบ่งปัน

อานิสงส์..แห่งการถวายเรือ ต่อมาอีกหน่อย

หวัดดีจ้า…….. หวัดดีจ้า…….. หวัดดีจ้า…….. หวัดดีจ้า…….. หวัดดีจ้า…….. !! หยิบหวัดดีจ้าเอาไปเลยคนละอัน
วันนี้ มีผู้ร่วมบุญเพิ่มมาเยอะแยะทางเฟส ในเรื่องของอานิสงส์การถวายเรือ 

การถวายเรือนี้ หากเราตั้งเจตนาว่า เป็นเหตุแห่งการนำพาชีวิตนี้ เพื่อข้ามห้วงโอฆะ ก็จะเป็นอธิฐานบารมีอย่างหนึ่ง

การสร้างบารมี โดยเจตนาใช้วัตถุทานเช่นนี้ แม้เรือมันจะไม่รู้ไม่ชี้ และไม่เกี่ยวกับปัญญา

แต่เจตนาแห่งจิตที่ตั้งไว้ หรือมีสัญญาไว้ มันจะบันทึกและดำเนินไปตามกระแสแห่งครรลองจิต ตามกรรมที่เป็นเหตุแห่งวิบาก ยังไงก็ส่งเป็นวิบากให้มาทางก้าวพ้นวัฏฏะ เพราะเจตนาเป็นเครื่องส่งอยู่

พูดอย่างนี้ เราจะมาเหมาว่า การถวายเรือ หรือจัดหาเรือให้ใคร ได้ใช้ เป็นเหตุแห่งการก้าวพ้นวัฏฏะทั้งนั้นใช่ไหม..

ขอตอบว่าไม่ใช่………

การมอบเรือให้หรือถวายเรือให้กับสาธารณะ หรือปัจเจกบุคคล หากไม่ใส่เจตนาลงไป วิบากไม่ได้ส่งผลไปตามเจตนาเช่นกัน อย่างเช่นเจ้าด้วง มันร่วมทำบุญ ป่าวประกาศบอกบุญ ในการสร้างเรือแก้วของมัน

เจ้าด้วง มันมีเจตนา ปักใจเด่นชัดตามสัญญากรรม ว่าการสร้างบุญเช่นนี้ เป็นการสร้างเรือให้แก่ปัญญา เพื่อล่องไปสู่ฝั่ง อันเป็นนิพพาน เจ้าด้วงก็จะได้นิพพาน เป็นวิบากผล

ส่วนโกผู้พันเอ๋ ตั้งใจถวายด้วยเงินตนเอง ตัดใจถวาย โดนการสั่งและเลือกหามา ด้วยใจแห่งการให้ วิบากกุศลที่ได้ ก็คือ ทุกเรื่องราว จะข้ามผ่านได้หมด ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ทุกอย่าง ดำเนินไปอย่างปลอดภัยและแน่นอน

เกิดทุกชาติ มีพาหนะ เป็นของตนเองทุกชาติ เป็นที่พึ่งพิงของคนทุกคน จะได้ เป็นพระอินทร์ 30 ครั้ง เป็นจักรพรรดิ์ 60 ครั้ง เป็นพระราชา 500 ครั้ง เป็นคหบดี 500 ครั้ง และทุกครั้งที่ได้มาเกิดกำเนิด จะอยู่ในตระกูล ที่ไม่อับจน

วิบากผลนี้ หากแต่ละชาติยังทำต่อเนื่อง บุญครั้งนี้ครั้งเดียว มันส่งต่อๆ ไป จนใจ ปรารถนานิพพาน เมื่อมีใจปรารถนานิพพาน เจตนาจิตก็จะมีวิบากเป็นผลให้เกิดปัญญา ข้ามก้าวสู่ฝั่งแห่งวัฏฏะ เพื่อความพ้นทุกข์ได้ง่าย

ฉะนั้น การทำบุญทำกุศล เราต้องแสดงเจตนาด้วย เพราะธรรมชาติแห่งจิต มันปรุงแต่งไปตามสัญญาสมมุติ หากบารมีสร้างมาเต็ม และได้อธิฐานมาเต็มบารมี

ชาตินี้ แค่เรือลำเดียว จะเป็นกำลังให้เกิดกุศลเติมเต็ม ก้าวไปสู่การมีปัญญา ด้วยผลแห่งวิบาก ที่ได้กระทำมา และเจตนาอันเกิดจากวิบากที่อธิฐานไว้ในอดีต …..

>> ลูกศิษย์  : ……… เหลืออะไร ราคาเท่าไหร่คะ พอจ. ( มีคนกล่าวแทรกขณะเทศน์ )

<< พระอาจารย์ : โห่.. โธ่เอ๋ย ธรรมข้าหายหมดเลย มันว่างเลยว่ะ คงต้องคุยเรื่องอื่นอีก

เวลาธรรมมันเดินแล้ว อย่าถามอะไรซิ ไว้ให้จบเรื่องมันซะก่อน มันหายหมด ช่องมันอุดหมด มันไม่ไหลออกมาในเรื่องนั้นๆ เลย เรื่องนี้เคยเตือนกันหลายครั้งแล้ว

เพราะข้าไม่ได้เอาความจำมาพูดหรือมานึกคิด เวลาข้าเทศน์ มันจะไหลของมันออกไปเรื่อย เพราะขณะเทศน์ ข้าอยู่ในสมาธิ อย่างน้อยก็ปฐมฌาน

เรื่องอื่นๆ มันไม่รำคาญ แต่หากมีอะไรมาทำให้ละจากการเพ่งธรรม จิตที่มันรวมอยู่ มันก็จะไปทำการวินิจฉัยใหม่ พวกเรานี้ มันไม่เข้าใจกันจริงๆ บอกไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว

มันก็เหมือนกับท่านที่กำลังทำสมาธิอยู่ แต่มีคนไปรบกวน ท่านจะบอกว่า มันจะเป็นบาป

การกระโดดไปกระโดดมา ส่งเสียงรบกวนมันก็เป็นบาป

การไม่ตั้งใจ เอาแต่ใจและความรู้สึกแห่งตนเอง โดยคิดว่าไม่เป็นไร เรียกว่าขาดสติปัญญาคิด ไม่รู้กาละเทศะ มันก็เป็นบาป

ที่จริง ธรรมทั้งหลาย ข้าไม่จำเป็นต้องมานั่งสาธยายให้พวกเราฟังกันก็ได้ เพราะพวกเราที่จะเข้าถึงและสนใจมันมีน้อย และแทบจะไม่มี

ธรรมทั้งหลายที่ไหลออกมานี้ ล้วนเป็นธรรมแห่งมุตโตทัย มันมีผลและเหตุปัจจัย สอดคล้องกันอย่างเสมอ ใช่ว่าจะโม้ออกมาพล่อยๆ

เพียงแต่พวกเรามันขาดปัญญา และข้าเองก็เข้าใจ ว่าปัญญาของพวกเรามันได้กันแค่นี้ เป็นปัญญาอย่างเด็กน้อย เอาความรู้สึกแห่งความแพ้พ่าย ไหลไปตามกระแส ที่ตกกระทบ เพราะจิตมันขาดศรัทธา และไม่เต็มเป็นเหตุ

ธรรมทั้งหลายนี้ หากเป็นพระอริยเจ้าท่านได้ฟัง มันจะเป็นของเลิศและประเสริฐศรี แต่จะเป็นแค่ของอัปปรีย์ไร้ค่า แก่ปุถุชน

ค่าแห่งธรรมที่แลกมาด้วยความตายมันมีน้อย สู้ไม่ได้แม้รายการทีวีและบันเทิง ที่ใจมันใฝ่หา และเฝ้ารอด้วยความโหยหิว มันหิวในตัณหาโน่น ไม่ได้หิวในธรรม

พอถึงเวลา มันยังตรึงใจไม่ให้ไปไหน แต่ธรรมแท้ธรรมแห่งใจ เดี๋ยวมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ ส่งเฟส ส่งไลน์คุยนู่นนี่ก่อนไม่เห็นจะเป็นไร เดี๋ยวข้อความเยอะๆ แล้วค่อยเข้ามาอ่าน เล่นทางอื่นที่น่าสนใจก่อน

บางคนข้อความมากๆ ก็กดพรืดๆๆๆ ไม่ได้พิจารณาธรรมอะไรเลย น่าเสียดาย กูกดทีละตัวกว่าจะได้ตั้งนาน มันแค่ผ่านๆ เหมือนข้อความไม่มีธรรมอะไร

อุตสาห์มีครูบาอาจารย์ ที่เข้าถึงธรรม แต่ใจเด็กน้อย ไม่ได้แตะไปตามธรรมที่ป้อนให้เลย สิ่งเหล่านี้เป็นวิบากที่ต้องรับผลทั้งสิ้น

แม้ข้ารู้ แต่ก็ต้องปล่อยๆ ไป เพราะข้าเองก็มีหน้าที่อย่างหนึ่งที่ต้องทำ ก่อนร่างสลายไป จึงปล่อยไป ใครจะทำอะไร ก็ช่างแม่งมัน แต่ก็เตือนๆ ไปหลายครั้ง พวกเราไม่ฟังกันเอง

นี่ก็ได้เวลาพูด ก็เลยบอกๆ กันให้จบๆ ไป พวกเรานี้ ขอบอกตรงๆ ว่ายังโง่หลาย ธรรมทั้งหลายที่สาธยาย เรามองกันไม่เห็น แถมไม่มีปัญญาถามธรรมที่ลึกและสูงยิ่งขึ้นไปอีก

ฟังแล้ว ก็แล้วกัน เดี๋ยวเอาเรื่องใหม่ เพราะยังไงก็มีให้เอากันทุกวันอยู่แล้ว คุณค่าแห่งธรรมเลยน้อย ข้าเองนี่เข้าใจ ว่าพวกเราได้กันแค่ไหน แต่ยังไงก็เหมือนน้องนุ่ง เลยปล่อยๆ ไปงั้น

คืนนี้ก็คงต้องขอพอแค่นี้ หวัดดีน้องๆ ทั้งหลาย

วันที่ 2 กรกฎาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง