>> คำถาม : กราบนมัสการพอจ. กายคตานุสติ คืออะไรคะ เหมือนกายานุสติปัฏฐานไหมคะ สภาวะเป็นอย่างไรคะ
<< พระอาจารย์ : ของ Warangkana Kalayanapradit…
กายคตานุสติกรรมฐาน เป็นการตั้งกรรมฐาน ในกองพิจารณา กายเรานี้ ตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เรื่อยไป จนถึงเยี่ยว
พิจารณาตั้งแต่ความเป็นของส
เพราะนี่เป็นภูมิของผู้ที่ก
พระผู้ให้กรรมฐาน ก็จะบอกกล่าวกรรมฐานให้ คือ เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ให้ผู้บวชขานรับตาม นี่เรียกว่า การให้กรรมฐาน คือที่ตั้งแห่งใจ ในการนำไปประกอบการพิจารณา
ทีนี้ การบวชและการให้กรรมฐานแบบน
การขานรับกรรมฐานแบบนี้ มันเป็นแค่ประเพณี เป็นการชี้พิธี ว่าได้เข้ามาบวชแล้ว คือการออกจากเรือน มาสู่การเกิดใหม่ เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น เท่าที่กำลังแห่งปัญญาจะพึง
กรรมฐานกองนี้ เป็นหนึ่งในกองกรรมฐาน ทั้งสี่สิบกอง เป็นกองกรรมฐาน ของพวกราคะจริต และพุทธจริต ในขั้นอนาคามีมรรค
คือมาพิจารณา กายนี้ ตั้งแต่สูงสุด คือผม ไปถึงหนังที่ห่อหุ้มต่ำสุดค
ไอ้ความงามนั้น ไม่ต้องไปพิจารณา เพราะเราเห็นว่างามและหลงให
ในกรรมฐานกองนี้ ชี้ไปที่ สุภะ คือ ความงามอันน่าหลงใหลนี้ มันชี้ไปโดยการพิจารณา หาความไม่งาม คือ อสุภะ ที่ซ่อนตัวอยู่ให้เห็นให้เจ
>> คำถาม : แล้วมานะนี่ ใช้กรรมฐานอะไรเป็นตัวทำลาย
<< พระอาจารย์ : มานะนี่ เป็นกำลังขั้น ปัญญา ใช้วิปัสสนาญาน ในการถอดถอน …รัตนตรัย
และมานะนี้ มันมีตั้งแต่หยาบๆ ขั้นปถุชน ไปจนถึง มานะในขั้นละเอียด ในระดับ อรหัตมรรค คือเครื่องร้อยรัดในสังโยชน
มานะนี้ เป็นเรื่องของจิต ที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จักจบอยู
เพราะมานะนี้ ถือเป็นเจตสิกแห่งภาวะอารมณ
แต่เมื่อถึงที่สุด จะรู้ได้ว่า ความจริง มานะ ไม่มีอะไรมากำจัดออกไปจากใจ
เรื่องมานะนี้ ต้องอธิบายแยกออกไปอีก เพราะมันมีพี่น้อง สามตัวคือ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ เมื่อมีโอกาส ค่อยมาอธิบายครับ วันนี้ขออธิบาย กายคตานุสติกรรมฐานพอสังเขป
ผู้ที่เห็นอสุภะ ในสุภะ อย่างประจักษ์แจ้ง ก็จะคลายความยึดมั่นในรูปที
การบวชนี้ หากเป็นสงฆ์ ใช้การถากหัวห่มฝาด เมื่อรับผ้ากาสาวพัตร์แล้ว มีซักกี่คน ที่จะทำ พระนิพพานให้แจ้ง ตามที่ตนได้ปราวณาไว้ ต่อหน้าหมู่พระสงฆ์และต่อหน
ที่สุด…ส่วนใหญ่ก็ทำลายสัจจะ
~~ ข้อแรก ภาษาอันที่จะทำให้เกิดความเ
~~ ข้อสอง ผู้บวช ยังไม่ได้ชัดเจนต่อความที่ใ
เอาผ้าที่ยังไม่ได้ซักฟอก ให้ขาวให้สะอาด มาทำการย้อมใหม่ ยังไงๆๆ มันก็เป็นได้แค่ผ้าสกปรก ที่ได้ทำการย้อมสีใหม่ก็เท่
ฉะนั้น การบวช แรกเริ่มควรชี้ไปที่ทำอย่าง
คนที่มีหิริโอตับปะ ย่อมเป็นใจที่มีความสำรวม ใน กาย วาจา ใจ ที่สำรวมได้เพราะได้รับการช
เมื่อได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษ
ใจที่เกิดศรัทธา ย่อมเกิดการพิจารณา ในเหตุแห่งผัสสะ
ใจที่พิจารณาในเหตุแห่งผัสส
ใจที่มีสติ ย่อมเกิดความสำรวม กาย วาจา ใจ
ใจที่เกิดความสำรวม ย่อมเป็นใจที่มี ศีล
ศีลตัวนี้แหละ จะกี่ร้อยกี่พันข้อ มันก็บริสุทธิ์ เพราะมันเกิดความบริสุทธิ์ ที่ต้นขั้วใจ เรียกว่า เป็นผู้มีศีลแห่งวิมุติ ไม่ใช่ศีลแห่งสมมุติ ที่ถือกันเป็นข้อๆ
นี่…การบวช ควรชี้จากตรงนี้ เพื่อก้าวไปสู่มนุษย์ขั้นศี
ก็ได้ชื่อว่า เป็นพระโสดาบัน และ พระสกิทาคามี เราเรียกว่า อริยชน ขั้นศีล มีพระโสดาบัน และสกิทาคามี เป็นชื่อเรียก
ส่วนอนาคามี เป็นภูมิระดับขั้น สมาธิ คือมีสามาธิที่ใจเป็นศีลแล้
ส่วนขั้นศีลนั้นควรรับกรรมฐ
นี่..กรรมฐานเหล่านี้ อยู่ในระดับใจที่เริ่มมาทาง
มันสิ้นความสงสัย ในรูปสังขาร และทุเลาเบาบาง ในความงมงาย แห่งรูปกายนี้ ตามกำลังปัญญา ในขั้นศีล เรียกว่าเป็นผู้ตัดสังโยชน์
คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และ สีลพตตปรามาส นี่..มนุษย์ขั้นศีล เรียกว่าเป็นชาวบ้านชั้นดี
เมื่อผ่านขั้นนี้ หรือปฏิบัติตามแนวทางแห่งศี
นั้นก็คือ พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ไปถึงภายในที่เป็นเยี่ยว แบ่งลึกลงไปเป็น ดิน 20 น้ำ 12 ลม 6 ไฟ 4 โน่นแหละ ต้องหาผู้ชี้ลึกลงไปเรื่อยๆ
นี่..เป็นสักกายทิฏฐิขั้น สมาธิ คือนอกจากกายนี้ สลายเป็นธรรมดาแล้ว มันยังสกปรกโสโครกด้วย นี่..ขั้นสมาธิ ก่อนที่จะผ่านขึ้นไปสู่ สักกายทิฏฐิ ขั้นปัญญา
นี่แหละ การให้กรรมฐานในการบวชของไท
สมัยหนึ่ง ท่านปาละ ก็อยู่ศึกษาศีลมาแล้ว 5 ปี จนมีศีลเต็มภูมิ จึงมาขอรับกรรมฐานจากพระพุท
ที่สุด ก็บรรลุมรรคผล แต่ตอนบรรลุ ตาบอด ด้วยอำนาจแห่งวิบาก โอยย..นี่ บ่ายโมงกว่าแล้ว ขอลาทุกท่านด้วยธรรมสดๆ ยามเที่ยง เท่านี้ ขอความสวัสดีมีชัย พึงบังเกิดกับทุกๆ ท่าน สาธุคุณ ธรรมจากราวป่า..!!!
พระธรรมเทศนา จากบทธรรมเรื่อง ใจที่มี..กรรมฐาน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง