จุดกำเนิด การแตกแยกเป็น…นิกาย

จุดกำเนิด การแตกแยกเป็น…นิกาย

1081
0
แบ่งปัน

…หลายคนที่ยึด ความหมายแห่งคำพุทธวจน ที่ไม่ตรงตามนัยยะจริง มีดวงตาคลายความคิดเห็น ที่ยึดอย่างตรงๆ ลง และได้กลับมาพิจารณาธรรม แห่งคำพุทธวจนกันอย่างเห็นตรงขึ้น เข้าใจมากขึ้น ตรงนี้ขอโมทนา ธรรมแห่งพระโอษฐ์

จุดกำเนิด การแตกแยกเป็น...นิกายมันเหมือนย้อนกลับไปในพุทธกาลโน้น ที่มีกลุ่มพระสงฆ์ ยึดบัญญัติ จากพระไตรปิฏก แล้วไปเพ่งโทษ พระอรหันต์เจ้า ว่าอย่างนั้นผิด อย่างนี้ผิด กระดุกกระดิกอะไร แทบไม่ได้เลย

เพราะการกระทำ จริยา ที่พระพุทธองค์ไม่ทรงได้กล่าวตรัสไว้ ต่างก็พากันเพ่งโทษ ว่ากระทำผิด ต่อพระธรรมวินัย

พุทธะนิกาย อันหลากหลายความเห็น ก็เริ่มแยกตัวออก ต่างฝ่ายต่างมุ่งตามทางแห่งตนเอง ที่เห็นชัด และเห็นตรง ตามครูบาอาจารย์ชี้ นี่…เพราะปรารถนาดีเป็นเหตุ

เพราะพระอรหันต์ หลายท่าน ท่านมีกลุ่มลูกศิษย์ลูกหา ที่เลื่อมใสศรัทธา ในธรรมอันประจักษ์จิต ต่อครูบาอาจารย์ ในแต่ละสาย แต่ละท่านกันอยู่แล้ว

และพระอรหันต์เหล่านั้น ต่างยึดธรรม อันเกิดจากการตรัสสั่งสอนชี้แนะ เฉพาะที่รับฟังมา ต่อหน้าพระพักต์

มีศีลอันเป็นปาฏิโมกข์ศีล ที่พระพุทธองค์ ทรงประกาศไว้ และพระอรหันต์ เหล่านั้น ต่างตั้งมั่นและยึดถือ มากว่า 20 ปี ก่อนจะมี การตั้งกฏต่อพวกมาบวชใหม่ทีหลัง ว่าอย่างนั้น ไม่ควร อย่างนี้ไม่ควร

ข้อศีลเหล่านั้น เป็นข้อห้าม ที่เหล่าพวกเดียร์ถีย์ ใช้ความมักง่าย ของกิเลสตน กระทำขึ้นมา ให้เป็นที่น่ารังเกลียด ต่อเหล่า ผู้ยึดดี ประพฤติดี และคิดว่าดีกว่า…ลัทธิอื่น

ทำให้หมู่คณะ ต้องพลอยเสียชื่อ และหม่นหมอง บางท่านใฝ่ดี แต่กระทำไปด้วยความไม่รู้ เกิดข้อครหาขึ้นมา ก็โดนเพ่งโทษ

เพราะความเป็นกลุ่มเป็นศาสนา ที่มีการขยายฐานแห่งผู้คน ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิด ความเสื่อมเสีย และการรับไม่ได้ของกลุ่มที่รวมตัวกันใหญ่ขึ้น

จึงเกิดการฟ้องร้อง ต่อพระพุทธองค์ ว่าอย่างนั้นไม่ควร อย่างนี้ไม่ควร เพื่อความเป็นธรรม และรักษาสัจธรรม ให้ยืนยาว

พระพุทธองค์ จึงทรงประกาศ ชี้แนะ และว่ากล่าวตักเตือน คำกล่าวเหล่านั้น จึงเป็นที่มา ของข้อศีลในแต่ละข้อ เป็นกฏหมายพระธรรมวินัยแห่งพุทธ

ข้อศีลเหล่านี้ แท้จริงก็ไม่ใช่ข้อศีลอะไรที่เป็นศีล เป็นแต่เพียง ข้อล้อมคอกใจ ของพวกชอบแหกคอก ที่ชอบทำอะไรตามใจตนเอง แล้วหมู่เหล่าเขารับกันไม่ได้

พูดง่ายๆ ก็คือ ข้อศีลเหล่านี้ เกิดมาเป็นข้อๆ เพราะความเฮงซวย ของสันดานนิสัยคน ที่ไม่ใช่กุลบุตรแห่งพระพุทธชินสีห์เจ้า

“เพราะความเฮงซวย” ศีล ทั้ง 227 ข้อ จึงปักหลักขึ้นมาทีละข้อๆ เป็นคอกที่กั้นพวกเหี้ยๆ ไม่ให้ทำความเลว แห่งความน่าอาย มากไปกว่านี้

ใครพอทำใจได้ ภายใน 5 ปี นี่..ท่านจึงพออนุเคราะห์ ให้พอกลายเป็นสงฆ์ได้บ้าง หากมีความตั้งใจบวช เพื่อความพ้นทุกข์จริง

แต่เหล่าพระอรหันต์ ยุคแรกๆ ท่านไม่ได้มีข้อศีลพวกนี้ ท่านมีศีลแห่งปาฏิโมกข์นู่ คือไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี และรักษาความดีนี้ ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

นี่..ท่านรักษาใจ อันเป็นข้อศีล แต่เพียงแค่นี้ เรียกว่า รักษาใจ อันมีความละอายชั่วกลัวบาป แต่เพียงข้อเดียว และนี่ เป็นศีลแท้ แห่งความเป็นอริยะเจ้า

เมื่อภิกษุในยุคหลัง ได้นำข้อศีล ที่ได้รวบรวมมาเป็นตำราในพระไตรปิฏก ที่ได้เกิดทำการ สังคายนา หลังพระพุทธองค์ ได้ทรงปรินิพพาน ล่วงแล้ว 3 เดือน

พระอรหันต์ บางกลุ่ม ที่อาศัยแยกย้ายกันออกไป ยังทิศต่างๆ ท่านก็ไม่ได้ทราบ การสังคายนาอะไรด้วยเลย ในครั้งแรกนี้

เพราะข้อศีลเหล่านี้ มันอยู่แต่ในเมือง อยู่กับคนที่อาศัยกันเป็นกลุ่มๆ พระผู้ทรงคุณ ที่อาศัยลำพังอยู่ตามไพรป่า ข้อศีลที่เขารวบรวมมา ท่านไม่ต้องมานั่งทำการรักษา

เพราะใจท่านเป็นศีล ไม่ได้ปรุง คิดมาทางชั่วช้าเลวทรามอยู่แล้ว ท่านมีสติ และปัญญา รู้อะไรควร อะไรไม่ควรแก่ใจ เป็นเครื่องอยู่

 

ท่านมีความดีเป็นวิหารธรรม ไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อศีล มาบังคับรังแก ข่มขืนใจ ให้ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้  ใจท่าน เป็นตัวศีลอยู่แล้ว จะพันข้อแสนข้อล้านข้อ มันไม่มีผลอะไรกับใจที่บริสุทธิ์

 

เมื่อพวกภิกษุรุ่นหลังๆ ที่ต่างยึดตำรา ที่ตนเองเล่าเรียน มาเพ่งโทษ

ท่านทั้งหลาย จึงประกาศออกไป ว่าท่านรับฟัง ข้อธรรม และปฏิบัติตามธรรม ข้อความ เฉพาะ ต่อหน้าพระพักต์ ที่ได้รับ มาเป็นเครื่องชี้ และเครื่องอยู่ แห่งความเป็นเพศ พรหมจรรย์ ที่ระวังรักษาเท่านั้น

ข้อความอื่นๆ ที่เป็นธรรมอันมีเหตุจากพวกนอกศาสนา ท่านไม่ยอมรับและไม่รับฟัง ท่านปล่อยให้เป็นเรื่องของคน ชนในสังคมนักบวชเมือง ที่จำเป็นต้องใช้ ปกครองกันไป

ส่วนตัวท่าน ท่านนำธรรมอันประจักษ์ใจ และธรรมทั้งหลาย ที่ได้รับมาเฉพาะ ต่อหน้าพระพักต์ สั่งสอนและชี้แนะเหล่าสาวกและลูกศิษย์ ผู้เดินตามทั้งหลาย ตามที่ท่านเข้าถึงและประจักษ์จิต

การเพ่งโทษ จากพวกเรียนปริยัติ ในข้อห้ามต่างๆ ทำให้เกิดความแตกแยก เพราะเกิดการไม่ยอมรับระหว่างภิกษุด้วยกัน

ศิษย์ รุ่นหลังๆ ที่ใจเข้าไม่ถึงธรรม ก็ยิ่งแบ่งแยก แตกออกเป็นหลายๆ นิกาย การแตกแยกแห่งศาสนาพุทธ ออกมาเป็นหลายๆ นิกาย ก็เกิดมาจากเหตุ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างการ รักษาสัจธรรม อันเป็นเนื้อเยื้อโดยตรง จากธรรม เป็นคำจากพระโอษฐ์นี่แหละ

เรียกว่า แต่ละฝ่าย ต่างมีความปรารถนาดีกันทั้งนั้น แต่หารู้สึกตัวกันไม่ ว่า ต่างฝ่ายต่างก็ยึดไม่ยอมวางกันทั้งนั้น

มายุคนี้ เหตุการณ์ คลั่งพระธรรม อันเป็นธรรม คำจากพระโอษฐ์ มันได้หวลกลับมาอีกครั้งแล้ว ครั้งนี้ คงได้เกิดมี นิกายแปลกๆ แตกแยกกันออกไปอีก หลายๆ  นิกาย

เกิดเป็นนิกาย พุทธวจน อันเป็นนิกาย ที่มุ่งหมายต่อสัจธรรมโดยตรง ต่อคำสัจธรรมจากพระโอษฐ์ ใครผิดไปจากคำพระโอษฐ์ ไม่อยู่ในพระสูตร เป็นธรรมของพวกนอก ศาสนา

นี่…พวกยึดดี กำลังทำลายพุทธศาสนา เพราะความเห็นว่า ของตนเองเท่านั้นถูก ศาสนาเสื่อมเพราะภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่มันเฝ้ารักษาและหวงแหน อย่างไม่ยอมวาง และไม่ยอมใครนี่แหละ เป็นเหตุใหญ่

 

ที่สุด พุทธศาสนาก็เป็นไป แค่ความเข้าใจ เอาแต่ปริยัติ เชิดชู คนท่องได้ บ่นได้ จำสูตรได้มากๆ โดยไม่ต้องทำอะไร พิจารณาอะไร เพราะคำจากพระโอษฐ์ มันเป็นอาหารสำเร็จรูปอยู่แล้ว ฉีกซอง ราดน้ำร้อน แดกเข้าไป ซดเข้าไป แค่นี้ก็อิ่ม

 

มีบางพวก ชี้ธรรมแค่ให้ปลงเอา คิดเอา เข้าใจเอา เชื่อความคิด ไม่ต้องไปปฏิบัติอะไร ให้เป็นทุกข์ ยิ่งปฏิบัติก็จะยิ่งเป็นอัตตา ยึดอัตตา

เพราะมันเป็นของมันอยู่แล้ว วางอยู่แล้ว ว่างอยู่แล้ว แค่ปลงและเข้าใจ ไม่ต้องปฏิบัติอะไร ให้เป็นการเกิดกรรม ซ้อนกรรมขึ้นมาอีก เป็นอัตตาขึ้นมาอีก

นี่..เดี๋ยวนี้ ก็มีลัทธินิกายนี้ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะเป็นนิกาย เข้ากับกิเลสดี ปลงอย่างเดียว ไม่ต้องไปปฏิบัติห่าอะไร แค่นี้..ก็หลุดพ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องแหกกิเลส ให้ใจมันเห็นทุกข์

เป็นธรรมอันเป็นตัวขวาง หลักอริยสัจ ไม่เข้าใจอริยสัจ เอาแต่ความคิด แห่งตัวตนเข้าไปทำลายธรรมแห่งสัจธรรม ที่อาศัยเหตุปัจจัย จากการปฏิบัติ

ธรรมทั้งหลาย คงจะจบลงในไม่ช้า คงเหลือแค่ผ้า ผูกข้อมือหรือเหน็บหู พอให้รู้ว่า นี่..ข้า คือผู้ทรงธรรม….คุคุคุ….ธรรมะหัวดอจริงๆ

โอนะ..หายกันไปหมดแล้ว คืนนี้ หวัดดี ไอ้พวกนี้ ปล่อยให้ข้าหลงโม้อยู่คนเดียว ไอ้พวกหัวดอ แอบหนีไปก่อนฟังจบ สงสัยโม้เพลินไปหน่อย..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง