ชีวิตนี้….ห่วงขยะ

ชีวิตนี้….ห่วงขยะ

1421
0
แบ่งปัน

เช้านี้…..ขอแช่งให้มีแต่ความสุขความเจริญ ผู้ฟังธรรมทุกวัน จิตย่อมหนักและโน้มเอียงมาทางกุศลจิต ยามเช้า เป็นช่วงบันทึกที่ดีที่สุด กากแห่งขยะผัสสะ มันยังมีน้อย ธรรมเหล่านี้ ย่อมยังผลสมาบัติให้เกิด แก่ผู้ที่เฝ้าสอดส่อง 

วันนี้น้องที่มาอยู่ฝึกจิตตนเอง อยู่บนภูเขาคนเดียว อยู่มาหลายวันแล้ว ได้กล่าวและคุยกันถึงเรื่องความตาย ทุกวันนี้ เขายังห่วง ลูกห่วงเมีย ห่วงทุกคน เขาจึงไม่สามารถออกมาจากสังคม เพื่อปฏิบัติตนตามที่เขาคิดได้เต็มที่

นี่..เป็นธรรมดาของผู้คน ที่ต้องมีความเป็นห่วง ความเป็นห่วงนี้หากรู้ว่า พวกเขาเป็นอะไรขึ้นมา ใจก็จะเจ็บปวดและทนไม่ได้ ฝึกอยู่ดีๆบนภูเขา ก็จะร้อนรนห้อแนบลงมาหาทางกลับบ้านได้ หากรู้ว่า ทางบ้านกำลังแย่

นธี กัสสปะ ถามว่า อย่างนี้ เมื่อตายก็ต้องตายอย่างเป็นทุกข์และมีห่วงซิ ทั้งๆ ที่เราอุตส่าห์พากเพียรปฏิบัติ อย่างหนักเอาจริงเอาจัง ก็ไม่เกิดผลประโยชน์กับใจ

ความตายนั้นเป็นความพรากที่แสนจะเจ็บปวด เมื่อยังไม่ถึงกาล ใครๆมันก็โม้กันได้ว่ายอมรับได้ ยิ่งพวกนักปฏิบัตินี่ ชอบโม้นัก แต่แค่รู้ว่า ครอบครัวทางบ้านกำลังแย่ แค่นี้ใจมันก็ร้อนรุ่มกลุ้มทรวงแล้ว

เราอย่าพึงได้คิดเลย ว่า ..ตายแล้วก็หมดสูญสิ้นกัน แม้ตายสิ้นกายไปแล้ว มันก็ยังบันทึก ข้อมูลที่เราห่วงหวง ในผลที่เป็นปัจจุบันอยู่

ยิ่งสิ้นรูป ความห่วงหวงอาดรู ในบุตรในภรรยา ในสิ่งที่หวงแหนปกปักรักษา ยิ่งทวีคูณ เพราะรับรู้ได้แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีกายหยาบเข้าไปช่วยเขา

เราแค่คิดอย่างตื้นๆว่า ตายแล้วก็จบกัน จะได้หมดจบสิ้นภาระความห่วงหากันซะที

ยัง..มันยังไม่จบ หากไม่ไปกำเนิดใหม่ในภพภูมิ ตามวิบาก คือมีรูปใหม่ จิตก็จะเฝ้าสอดส่องในสิ่งที่ตนเองหวงห่วงนั้นแหละ

และจิตที่หนักในทางมาหวงห่วงนี้ มันจะแตกปลี ทำให้จิตดวงนั้น น้อมเอียงไปเกิดกำเนิดเป็นสัตว์

ไอ้น้องเขาบอกว่า เมื่อตายแล้วมันไม่ต้องห่วง มันไม่เจ็บปวด เพราะมันไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาไม่ห่วงเรื่องตาย แต่ตอนนี้ เขาห่วงเรื่องเมียและลูก ที่ได้ก่อไว้ ไม่ห่วงเรื่องตายแต่ห่วงลูกเมีย ดูพูดเข้า..

นี่…เข้าใจผิดเอามากๆ ที่เข้าใจผิด เพราะผลปัจจุบันมันแสดงผลอยู่ ว่าเป็นห่วง แต่หากตายไป ตนก็คงหมดห่วง ไม่รับรู้อะไรสิ่งใดในความทุกข์ใจ ที่จะมาบังเกิดอีก

เรายังมีชีวิต ยังพอมีกำลัง เราต้องหมั่นพิจารณา ถอดถอนในขณะที่ยังมีชีวิตนี้ อย่าไปรออย่าไปคิดว่า ตายเมื่อไหร่ คงหมดห่วง มันไม่เป็นอย่างนั้น มันจะห่วงหนัก ผลที่เป็นในอัตภาพมันแสดงตัวอยู่

ข้าเองเคยเจอเหล่าวิญญาณมามากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นนักบุญ นักปฏิบัติ เพราะวิบากสัญญาส่งมาให้พบเจอ

และเห็นชัดว่า เพราะความห่วงที่ขาดการถอดถอน เมื่อครั้งยังมีกายหยาบนี้เป็นเหตุ ทำให้ต้องมีความห่วงหวง และอยู่ในสภาพ อากาศวิญญาณ

วิญญาณพระท่านหนึ่ง เป็นผู้มีศีลดี ปฏิบัติดี แต่จมอยู่กับความทุกข์ ที่ตนกำลังสร้างโบสถ์

ตนตายกายแตกสลายซะก่อน จิตจึงมีนิวรณ์ วางเรื่องโบสถ์ไม่ได้ เพราะการได้สร้างโบสถ์ ถือเป็นวิหารทานมีค่าอันสูงสุด ที่ได้เกิดกำเนิดมา เท่าที่ท่านรู้

ท่านเป็นห่วงเรื่องโบสถ์ เรื่องเงินที่จะสร้างโบสถ์ คนโกงกินโบสถ์ นี่..ใจที่ปักกับความดีและปกป้อง มันก็รัดรึงตรึงดวงจิต ไม่ให้ไปไหน กลายเป็นอากาศวิญญาณ ที่ต้องเฝ้าล่องลอย ด้วยความเป็นห่วงโบสถ์

นี่ยังดี ที่เป็นพระพอมีศีล หากเป็นพระทุศีลด้วย มันจะไม่ได้ล่องลอยด้วยความห่วงอยู่เช่นนี้ เพราะวิบากแห่งการทุศีล มันจะกระชากจิตให้ไปรอคอยและเป็นห่วงอยู่ใน อเวจีโน่น

ที่จริงโบสถ์นั้นเดี๋ยวนี้ มันเสร็จและพังไปนานแล้ว ตามกาลเวลา เพราะมันเป็นโบสถ์ที่สร้างมาแต่สมัย อยุธยา อยู่ที่วัด ประดู่ทรงธรรม

แต่วิญญาณพระท่าน ยึดอยู่กับโบสถ์ยังไม่เสร็จ ที่ไม่เสร็จเพราะตนได้ตายซะก่อน มันบันทึกภาพและความห่วงหวง มาได้แค่นั้น จึงมากลายเป็นผีที่เฝ้าห่วงหวง และเป็นทุกข์กับโบสถ์ ที่ยังไม่เสร็จ

นี่..แสดงว่า เหล่าผี ไม่มีบันทึกต่อจากที่ตนมีอายตนะทางกาย จึงเห็นว่าโบสถ์ยังไม่เสร็จ ทั้งๆที่ปัจจุบัน มันเสร็จและพังไปนานแล้ว และเดี๋ยวนี้ เขาก็ซ่อมแซมขึ้นมาใหม่อีก แต่สำหรับผี โบสถ์ยังไม่เสร็จ แค่ไหนก็แค่นั้น มันก็เลยกลายเป็นผี ที่ตายไปแล้วก็ยังห่วงโบสถ์

และนี่ถ้ายังไม่ได้รับการชี้แนะและถอดถอน หากหมดเวลาแห่งอายุขัยของวิญญาน ผีพระนี่ก็ต้องมาเกิดเป็นสัตว์อะไรซักอย่าง เพื่อเฝ้าดูแลโบสถ์ และเมื่อเกิดกำเนิดเป็นสัตว์แล้ว ความด้อยปัญญา ก็จะทำให้เป็นสัตว์ซ้ำๆ นับหมื่นๆชาติ

ฉะนั้น เราอย่าได้ไปคาดหมายเลยว่า ตายแล้วมันคงหมดและจบสิ้นกัน กับความห่วงหวง ที่แสดงอาการและอารมณ์ ในปัจจุบันนี้อยู่

เรื่องเทศน์ให้พระผีเฝ้าโบสถ์ฟัง ค่อยมาโม้วันหน้า ถ้านึกได้ วันนี้ ขอให้เข้าใจว่า ตราบใดยังมีกายอยู่ มีสังขารอยู่

ให้อยู่อย่างผู้มีสติและพิจารณา ในที่นี้คือ ความเป็นธรรดาที่เราต้องเผชิญและผัสสะ

การผัสสะทุกอย่าง เมื่อมีขึ้นมาแล้ว มันเป็นของดี และไม่ดีกับใจเรา ถูกใจมันก็ว่าดี ไม่ถูกใจมันก็ว่าไม่ดี นี่..เป็นกิเลส

หากเราไม่แก้ภาวะอารมณ์จิต ให้ยอมรับความเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ที่มันมีของมันอย่างนั้น เราจะเป็นผี ที่ตรึกอยู่กับขยะแห่งผัสสะเหล่านี้ โดยไม่ถอดถอน

และอุปาทานที่ถอดถอนยากเช่นนี้ มันเป็นเสบียงให้เราติดอยู่กับภพ อยู่กันนานเลยทีเดียว ไม่เบื่อกันมั่งหรือ ที่ไม่เบื่อเพราะมันเสือกจำไม่ได้

ลูกเอย เมียเอย ผัวเอย ปัญญาเอย สมาธิเอย ศีลเอย และอะไรต่ออะไรที่เขาแสวงหากัน และหวงแหนกัน เราต่างพากันมีมากันหมดแล้ว

และสิ่งที่มี มันเป็นขยะกองโต ที่เราไม่เคยกลับไปเหลียวแลกันมั่งเลย

มีแต่แสวงหาเพิ่ม และเป็นห่วง รักในสิ่งที่เพิ่มที่หามา จนไม่ลืมหูลืมตา

ว่าขยะต่างๆ อันเป็นลูก เมีย ผัว อะไรต่ออะไร มันกองอยู่เป็นกุรุส

แต่เจ้าของ ลืมมันแม่งหมดแล้ว มันเป็นแค่ขยะ ที่ฝังอยู่ในอารมณ์แห่งภวังค์จิต

ทีนี้ พอมามีลูกใหม่ ผัวใหม่ เมียใหม่ มันก็สะสมอะไรใหม่ๆ กันเข้าไปอีก

ที่สุดของใหม่ๆ ที่เฝ้าหวงแทบเป็นแทบตาย มันก็กลายเป็นขยะ เหมือนกับขยะ ที่เคยแสวงหากันมาแต่ก่อนเก่า

เพียงแต่เจ้าของมันเสือกจำไม่ได้เอง เพราะมันมีเครื่องมือใหม่ บันทึกใหม่ เลยแสวงหา ลูกใหม่ เมียใหม่ ผัวใหม่

โน่น…ที่กองอยู่เบื้องหลัง เป็นกองขยะกองโตยิ่งกว่าภูเขา โน่น..ทิ้งขว้างและลืมแม่งหมดแล้ว ความโง่และงก เราก็ยังสะสมกันใหม่อีก และยึดที่สะสมของใหม่นี้ โดยไม่วาง ที่ไม่วาง เพราะมันวางไม่เป็น

จึงต้องกลายมาเป็น ผู้ไล่คว้าทุกข์ทั้งหลายที่เกิดจากเจ้าตัวทำ และเจ้าตัวสะสม

ชีวิตนี้ ได้เกิดมาเป็นผู้ได้พบพุทธศาสนาแล้ว มีช่องทางแห่งปัญญาแล้ว นำเอามาตรึกตรอง พิจารณาให้ดี ว่าเราเกิดมานี้ เกิดมาเพื่ออะไร

เกิดมาแล้ว แก่ เจ็บตายไป ระหว่างวัย ก็อยู่ๆ กันไป ตามอัตภาพอย่างนั้นหรือ

หากคิดได้แค่นี้ ก็ขอให้แสวงหาทุกข์กันต่อไป ตายเมื่อไหร่ เป็นได้กลับมาสะสมอีก

และมันจะสะสมอย่างไม่รู้จบ เกิดทีสะสมที สะสมแล้วก็ทิ้งไว้ข้างหลังให้มันเป็นขยะสุมๆไว้ เกิดใหม่ก็หาใหม่อีก และก็ทุกข์กับขยะที่กำลังถูกใจและห่วงหวงอีก

มันลืมของสะสมเก่าๆ ที่เคยแสนหวงและแสนห่วงไว้เบื้องหลัง ใจมันไม่เคยแยแส มันจำไม่ได้และไม่เคยได้จำ ว่าสิ่งทั้งหลายที่หวงแหนและสะสมแม้ในวันนี้ มันมีค่าเป็นแค่ ขยะ ที่เจ้าของ ลืมและทิ้งขว้างไปเหมือนขยะกองโต ที่รอเผาผลาญอยู่เบื้องหลัง

ขยะกองนั้น หากมีญานเข้าไปคุ้ยเขี่ยดู นั่นลูกนี่เมีย โน่นแม่ โน่นพ่อ และมันมีขยะซ้ำๆอย่างนี้ รวมกันเป็นกองโต

นี่..ยิ่งสะสมก็ยิ่งติดบ่วง โจทย์ทั้งหลายมันก็แสดงอยู่ ว่าอดีตที่คิดว่าเคยเป็นเรา ทำไมเราจึงจำความเป็นเรา ไม่ได้กันเลย

ไฉนเลย ที่ความเป็นเราจะไปจำลูก จำเมีย จำผัว จำพ่อ จำแม่ จำใครๆ แม้ตัวเราเองมันเคยเป็นใคร เจ้าตัวมันก็ยังไม่รู้ ที่ไม่รู้เพราะมันทิ้งขว้างเป็นขยะกองกลาดเกลื่อน กระจายเต็มอยู่เบื้องหลังไปแล้ว

แต่ปัจจุบันนี้ มันก็ยังไข่วคว้าสะสมกันเข้ามาใหม่ ที่สุดสิ่งที่ห่วงและหวงแทบเป็นแทบตายทั้งหลาย สุดท้าย ต่างก็กลายเป็น….ขยะ

เช้านี้ มีกิจแล้ว ขอโม้แต่เพียงแค่นี้ ว่างแล้วจะกลับเข้ามาตอบคำถามที่ถามมา

ขอให้โชคดีมีความสุข และร่ำรวยๆๆๆๆๆ ในทุกๆสิ่งที่ปรารถนา….ขอสาธุคุณ

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ยอมรับมันซะ… ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง