ภัย…ยามค่ำคืน ทอนที่ 3

ภัย…ยามค่ำคืน ทอนที่ 3

854
0
แบ่งปัน

….หวัดดี ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย มาโม้กันดีกว่า โม้ตอน ออกไปยามค่ำคืนต่อไม๊

คืนที่ออกไปกับน้องๆ กลุ่มทหาร และพวกเรา สามสี่คน ความมืด ทำให้เรา หาทางเข้าไม่เจอ และไม่รู้ทางเข้าที่เขานัดหมายนั้น อยู่ที่ไหน เขาโทรและส่งสัญญาณกัน ว่าอยู่ตรงไหน 
คราวนี้ เราขับเรือแพฝ่าความมืด มาเป็นชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว ยังไม่เจอซักที ที่เจอก็คือ ตอไม้มันขวางทางไป มันผุดขึ้นมา เป็นกำแพงกั้นทีเดียว หมุนไปทางไหน ก็โดนต้นไม้ล้อม

เมื่อส่งกระแสจิตออกดู จะมีอาการขนลุกขนพอง จึงฝ่าเข้าไปในแนวกำแพงต้นไม้นั้น เมื่อเข้าไปใกล้ ต้นไม้ทั้งหลายก็จะถ่างช่องให้ พอให้แพได้ผ่านได้ โดยที่ใบพัดไม่โดน ตอใต้น้ำ หากใบพัดโดนตอ เราทั้ง สิบกว่าชีวิต ก็มีหวังได้กินข้าวแมว อยู่แถวนั้น

เขาบอกว่า เขาจะส่งสัญญาณจากไฟรถมา พอทางเราส่องไฟไป มันก็มีไฟทางฝั่งกระพริบมา แต่ไฟมันหลายที่เหลือเกิน แต่ไฟพวกนี้ เป็นคนแน่ จึงตรงเข้าไป

ทางไปก็เต็มไปด้วยตอไม้ และเกาะกลางน้ำ ที่ผุดมาปิดหนทาง แต่เมื่อเข้าไปใกล้ กลับไม่ใช่ และเขาจะยิงเอา เพราะเขา ส่องไฟไล่แล้ว แต่เราไม่รู้ เรานึกว่าพวกกัน

แถวนี้ กลางคืนหากมาทางน้ำ เขามีสิทธิ์ยิงสวนออกมาได้ เพราะพวกขโมย ตัดไม้ ค้าของอะไรมันก็มี นี่..ภัยอีกอย่าง ที่ไม่ควรออกไปไหน ในยามค่ำคืน

ที่สุดก็ถอนออกมา แต่ก็ไม่รู้จะกลับยังไง เพราะทุกที่รอบๆ มันมืด และเหมือนกันไปหมด ทิศทางก็กะยาก จึงขับออกกลางน้ำ กะขับกลับ ค่อยมากลางวันใหม่ เพราะจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว

แต่ว่า เราก็เจอกำแพงตอไม้อีก หมุนซ้ายก็เกาะ หมุนขวาก็เกาะ ไปไหนไม่ได้เลยที่นี้ ก็พอดีเห็นแสง ที่ส่องมาอยู่ไกลๆ จึงโทรกันว่าจะใช่ไหม เมื่อมั่นใจ ก็ขับดิ่งตรงเข้าไป

แสงไฟอยู่ตรงหน้า แต่ไปตรงไม่ได้เลย มันมีตอไม้ขวาง ยืนเรียงรายเต็มไปหมด แถมมีเกาะ และความมืดมาบดบังแสงไฟที่เห็นอีก

จึงตัดสินใจฝ่าตอเข้าไป มันเหมือนกับตอไม้เหล่านั้น แยกทางออกให้ เราวิ่งเข้าไป ได้พอดีๆ พอพ้นแนวไม้นั้นได้มาหน่อยเดียว แสงสว่างจากรีสอร์ท ที่เป็นเป้าหมาย เปิดไฟสว่างจ้า อยู่เบื้องหน้า อย่างไม่น่าเชื่อ

มันอยู่ตรงหน้าเรา แต่พวกเรากลับมองไม่เห็น ที่สุดเราก็ไปถึง ทำธุระกิจเสร็จ ก็เดินทางกลับ

ที่จริงเจ้าที่ที่ตรงเราไป ท่านขอให้ข้าอยู่พักโมทนาบุญที่นั่น แต่ข้าไม่พัก เพราะน้องทหารทั้งหลายต้องรีบกลับกรม ขากลับ วิ่งกลับเร็วกว่าเก่า ไม่ค่อยเจอตอ เจอแต่คลื่นลูกโตๆ

วิ่งมาเป็นชั่วโมง ก็ไม่เจอทางเข้า อ่าวที่เรามา เหลียวมองด้านหลัง ไฟสว่างที่รีสอร์ท์ ก็ยังสว่างโพลน ให้เห็นอยู่ แต่ตอนไปน่ะ ไม่มีให้เห็นหรอก แม้เขาจะบอกว่าเปิดสว่างจ้าทิ้งไว้ ตั้งแต่หัวค่ำ

เมื่อกำหนดจิตดูอีก ถึงได้รู้ว่า โดนเข้าอีกแล้ว หลงทิศไปอีกแล้ว พอรู้ว่าโดน ตอไม้ก็ผุดขึ้นมาขวางอีก

ข้าก็หลบออกไปทางขวา มันหักขวาหลบบ่อย จนเป็นวงกลม ข้าก็เหมือนขับเรือแพ กลับที่เก่า พวกเด็กๆ ทหาร มันหลับกันหมด มันไม่รู้เรื่อง ข้ากับท่านมหา นั่งคิดกัน ว่าทางที่จะกลับไป นั่นอยู่ตรงไหน

ข้าขับไปโดยไม่รู้ทิศ และกำหนดจิตไว้ว่า จะขับกลับที่พัก เรือมันจะไปทางไหนก็ช่างมัน เพราะง่วงเต็มที ขณะที่กลับ ก็มีแม่นาง สองนาง คือแม่นางตะเคียนที่เกาะ และแม่นาง ที่ติดตามดูแล เขามาสะกิด มาบอกว่า มาทางนี้ ตามมาทางนี้ ข้าจึงหันหัวเรือไปตามทางที่แม่นางนำ นี่…ข้านี้กับผี เราเพื่อนกัน

เพราะยิ่งไป ก็ยิ่งเป็นเกาะ และเจอกำแพงตอ เต็มไปหมด มันอยู่ส่วนไหนทิศใดของแผ่นน้ำที่กว้าง สุดลูกหูลูกตาก็ไม่รู้ ที่สำคัญ มันมืดมากๆ

ที่สุด เราก็เข้ามาถึงอ่าว และกลับมาถึงที่พักโดยปลอดภัย ไม่มีใครรู้เลย ว่าที่เรือกลับมาได้นั้น มีผีมานำ ไม่ใช่ข้าพากลับมาได้ถูก

นี่..กลางคืนของที่นี่ มันมีอะไรลึกลับ เพียงแต่พวกเรา ไม่ได้พบและไม่รู้เห็นกัน ก็แค่นั้น ฝึกจิตซิ เผื่อจะได้พอสัมผัสได้บ้าง เล็กน้อยก็ยังดี

อย่างน้อย มันก็ยังพอได้ มีอะไรยืนยันใจได้ ว่ายังมีอะไร ที่ตา หู เรา ยังรับรู้ไม่ได้นั้น มันก็ยังมี จะได้รู้จักกลัว สิ่งที่มันยังมีและแอบแฝง กันได้บ้าง จะได้ไม่กล้าทำชั่ว

 

เพราะชั่วที่ทำ แม้คนไม่เห็น แต่ผีมันเห็น ขอเราจงจำไว้ วันหนึ่ง เราเป็นผีเมื่อไหร่ เราจะได้รู้ไว้ ว่า ความชั่วที่ทำ ที่ปกปิดไว้ ผีเขารู้กันทั่ว

แล้วเราจะเป็นผีที่น่าอาย ตอนยังไม่ตาย เราจึงควรละอายความชั่ว ทำแต่ความดี และรักษาความดีนั้น ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เรา..ตายไป จะได้ไม่ต้องไปอายเหล่าผี

 

วันนี้ ขอสวัสดี ยังไงอย่าอายที่จะทำดี เพราะเหล่าผี เขาก็ต่างพากันสาธุคุณ แม้มนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลาย มันจะมองไม่เห็นก็ช่าง… สวัสดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง