…หวัดดีจ้า ทุกคน ทุ่มครึ่งแล้วจ้า มาๆๆๆ วันนี้ อย่ารอช้า แมลงมันเยอะ
นี่..ข้าค้างเรื่องปลงอสุภะ
เชื่อเหอะ ข้าเป็นคนที่จำธรรมอะไรไม่ค
เอาๆๆ วันนี้ต่อเรื่อง ..อสุภะ..
การปลงอสุภะนี่ มันมีนัยยะหลายแง่มุม ไอ้มุมที่เรารู้ๆ กัน ข้าก็ไม่อยากไปบิดเบือน ความทรงจำอะไรของใครมากมายน
พวกเรามัน รวมๆ กันมั่ว เขาถึงเรียกว่า ..คน.. การถอดถอนอสุภะ ตามนัยยะก็คือ เราต้องถอดถอน สิ่งที่เรารังเกียจนั่น
อย่างขี้..นี่ก็เป็นอสุภะ เรารังเกียจขี้ แม้แต่ขี้ของเราเอง มันก็น่ารังเกียจ วิธีถอดถอนสิ่งที่น่ารังเกี
ไม่ใช่..!! ไม่เอาขี้ เห็นขี้แล้วไม่เอา นี่..เป็นการถอดถอน ไม่ใช่อย่างนั้น หากไม่เอา เรารังเกียจ เราต้องพิจารณาให้เอา จนใจมันวางความน่ารังเกียจน
ั่น จนเป็นไม่รังเกียจ จนเห็นความเป็นขี้ วัตถุชิ้นหนึ่ง ที่ไม่เห็นว่า จะน่ารังเกียจอะไร นี่..มันถึงจะเรียกว่า เป็นการถอดถอน อสุภะ
ส่วนวิธีนั้น มันมีหลากหลาย ข้าเองเป็นคนรังเกียจ เรื่องกลิ่น เรื่องขี้ เป็นคนที่สะอิดสะเอียน สิ่งเหล่านี้ ไม่กล้าเตะ ไม่กล้าโดน
แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ ข้าต้องเทขี้ เพื่อไม่ให้ มันสกปรกแม่น้ำ ทุกครั้งที่ข้าต้องเอาขี้ไป
ข้าเห็นความทุกข์แห่งใจที่ม
วันหนึ่ง เมื่อข้าเอาขี้ไปเท ข้ายืนพิจารณา ว่าทั้งหมดนี่ คือ กากอาหาร ที่เราลิ้มรสด้วยความชอบใจท
ข้าจึงตักเอาน้ำขี้นั้น ราดตั้งแต่หัวข้าลงมา แล้วถามว่า เหม็นไหม ไอ้เหี้ยยยเอ๊ยยย..!! เหม็นโคตร ๆๆๆ อ้วกแทบแตก ข้าจึงตักซ๊ำเทราดหัวลงไปอี
คราวนี้ ใจมันไม่โวยวาย มันคงกลัวข้าตักราดอีก เมื่อใจไม่โวยวาย นี่..กำลังใจมันต้องฝืนความ
ข้าจึงตักราดลงไปอีกขัน น้ำขี้ น้ำเยี่ยว ของใครต่อใคร ที่มาขี้มาเยี่ยวไว้ ข้าจะบอกให้ ว่า..ข้าเอามาราดหัวและไหลล
และข้าก็ไม่ล้าง ข้าอยู่จนมันแห้งกรังไปกับผ
ที่สุด… มันก็ปลงลง มันรู้และเข้าใจว่า ขี้ก็คือขี้ มันเป็นขี้ที่ไม่รู้ไม่ชี้ หมามันก็กิน สัตว์มันก็กิน เรา..บ้าตั้งแง่ ไหลไปตามสัญญาสมมุติ ว่ามันน่าสะอิดสะเอียนเอง ทั้งๆ ที่ขี้ มันก็ซ่อนอยู่ในกายเรา
เราไม่รังเกียจกาย ที่มันดูสวยงาม แต่เรารังเกียจขี้ ที่เอาโอชาแห่งอาหารมาเป็นร
เพียงแต่ว่า มันเป็นขี้ที่ยังอยู่ในกายเ
ที่รู้ๆ หลังจากนั้น แม้น้ำขี้น้ำเยี่ยวจะกระเซ็
นี่..เป็นการ ปลง อสุภะ ปลงในสิ่งที่น่ารังเกียจ จนเห็นว่า มันไม่ใช่สิ่งที่หน้ารังเกี
คราวนี้ สุภะก็เหมือนกัน สุภะ คือ ความสวยงาม น่ารัดรึงตรึงใจ ในรูป รส กลิ่น เสียง ที่น่าสัมผัสลูบไล้ ในที่นี้ เราหมายถึง หญิงหรือชาย วัตถุอื่น ไม่ต้องกล่าวถึง
อะไรที่เราชื่นชอบ เรียกว่า สุภะทั้งนั้น คราวนี้ การปลง สุภะ เรากลับ ไปใช้คำว่า เราปลง อสุภะ นี่…ดูว่าใช้คำไม่ถูกกาล ชี้แบบมั่วๆ
การปลงในนัยยะ แห่งการเกิดมีความกำหนัดยิน
ไม่ใช่ ไปเอาอสุภะ ที่เราไม่ชอบใจ มาพิจารณามาเพ่งเพื่อให้ออก
มันไม่ใช่ศพ ที่น่าสะอิดสะเอียน อย่างในภาพ ซักหน่อย ธรรมในระดับนี้ ถึงบอกว่า มันเป็นธรรมขั้น อนาคามี เพื่อจิตที่จะก้าวไปสู่ อนาคามีผล
นี่… พวกเราทั้งหลาย ยังเป็นใจขั้น ปุถุชน แต่เอาธรรมขั้นอริยเจ้ามาปฏ
เราทำๆ ไปเช่นนั้นแร๊ะ ทำแบบโก้ๆ ให้คนเขาชมกันแค่นั้น แต่การถอดถอนนั้น เรานำมาถอดถอนได้ หากเราตั้งใจ ที่จะถอดถอน แม้ไม่หวังจะเป็นอริยเจ้า ก็ขอให้ใจมันเกิดเป็นอริยชน
เมื่อสองวันก่อน ข้าโม้การถอดถอนทิ้งไว้ เมื่อข้าเกิดความรัดรึงตรึง
ภาพแห่งน้องนางเปลือยกาย แต่ผมไม่มี ฟันก็หัก นมก็แฟบก็เหี่ยว หากใจไม่ตอบว่าเอาหรือไม่เอ
เมื่อใจมันเห็นชัดแล้วว่า มันไม่น่าเอา ข้าก็ถอยกลับมารวมรูปใหม่ เป็นน้องนางคนสวยเหมือนเดิม
ข้าก็กำหนดลงไปถึงเนื้อท
ฉะนั้น กำหนด ให้แก่ ให้เป็นกระดูก ให้เป็นศพ ให้เป็นอะไรที่ยังไม่มี เสียเวลาที่จะไปกำหนดดู ถึงไม่กำหนด มันก็ไม่เอาอยู่แล้ว แต่พอกำหนด กลับมาให้สวยงาม มันก็ยังเอาอยู่
ฉะนั้น เราจึงรู้ชัดอยู่แก่ใจว่า ใจมันเอา สุภะ มันไม่เอา อสุภะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ป่วยการที่จะไปกำหนดให้เธอเ
เราต้องกำหนดให้เธอ อยู่ในรูแห่ง สุภะนั่นแหละ ถอดถอนตรง สุภะ โดยการ มองอสุภะ ที่มันซ่อนเร้นอยู่ใน สุภะนั้นให้เห็น
ข้ามากำหนดใหม่ ว่า จริงๆ แล้ว ข้านี้หลงใหลอะไรเธอ แท้จริงแล้ว ข้าไม่ได้หลงใหลอะไรในตัวเธ
ตัวเธอ แค่เป็นตุ๊กตา ที่ดันไปเหมือนคนที่ข้าเคยช
เมื่อมองเข้าไปเห็นเศษอาหาร
เมื่อมองเข้าไปเห็นน้ำมูกที
ผิวกาย ที่ลองเอามือขยี้ถูดู คราบไคลหลุดติดออกมา มันน่าทะนุถนอมผิวกายนั้นไห
เหงื่อไคลที่ไหลย้อยออกมา ตามซอกหลืบ ส่งกลิ่นอย่างร้ายกาจออกมา เราชอบไหม..?
ผมที่ร่วงติดมือ สกปรกตามผิว ตามช่องรูต่างๆ มันน่ารักน่าใคร่ไหม..?
นี่..มันสร้างภาพขึ้นมาจนเห
ที่สุด เมื่อใจมันตอบว่า ไม่เอา ข้าก็รวมกลับมาสวยเหมือนเดิ
หากยังเอาอีก ข้าก็ถอยเข้าไปกำหนดใหม่อีก
จนถึงที่สุด.. ก็ค่อยๆ ร่นขึ้นมา จากรูปที่ไม่น่าเอา ข้าค่อยๆ ใส่ ค่อยๆ เติม ให้มันกลับมาเป็นรูปสวยเหมื
จนกระทั่ง ในมันบอกว่า แม้รูปสวยมันก็ไม่เอา เพราะมันเห็นชัดถึงความสกปร
ทั้งตัวน้องนาง พอกำหนด ลงมาให้สวย เหมือนเดิม มันก็ไม่เอา กำหนดให้แสนจะน่ารัก น่าใคร่ ถอดผ้าเชื้อเชิญยังไง ในมันก็ไม่เอา
ที่สุด.. ข้าก็ยิ้มออกมาได้ ข้าหลุด จากโซ่ตรวนใจ ที่จะไปรัดรึงตรึงใจกับน้อง
นี่..คือการ ปลง สุภะ ไม่ใช่เป็นการปลง อสุภะ อย่างที่เราเข้าใจกัน
ส่วนการปลง อสุภะ ข้าก็แสดงว่า ขี้ ที่น่ารังเกียจ เราก็ถอดถอนได้ ด้วยอุบายแยบคาย จากการพิจารณา
ไว้คราวหน้า ข้าจะโม้ว่า ที่เขาปลงอสุภะกับศพ เขาปลงกันอย่างไร และปลงไปเพื่ออะไร
คืนนี้ ข้าขอ สวัสดี เพราะโม้มาเป็นชั่วโมงแล้ว ข้าโดนแมลงกัดคันแทบแย่แล้ว
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 4 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง