หวัดดีทุกคน ทุ่มครึ่งแล้ว วันนี้ มืดและแมลงเยอะ เอ้า มาต่อๆๆๆๆๆ เมื่อคืนโม้ถึงไหน ข้าโม้ถึงตอน ที่ข้ากำลังสะบัดหน้า เพื่อให้ตื่น ขณะที่กระพริบตาอยู่นั้น
เจ้าผีนั่น มันโกรธ มันยืนแก้ผ้าชี้หน้าข้า หน้าตามันดูเกี๊ยวกราด ที่สำคัญ ข้าเห็นมัน…ตาโบ๋ แต่เห็นแค่แว๊บเดียว ข้าก็ลืมตาขึ้น ภาพนางก็หายไป แต่ขนหัวข้าลุกซู่ นี่.ตอนนั้นเป็นกลางวันแสกๆ ผีมันล่อข้ากลางวันแสกๆ
ข้าลุกขึ้นเดินจงกรม ด้วยความง่วง ข้ากลัวว่า ถ้าข้าหลับ ข้าต้องได้เอากับน้องนางผีแ
ไอ้เจ้ากระดอนี่ ข้ายังบังคับไม่ให้มันแข็ง มันยังแข็งซะไม่ยอมล้มเลย จะบอกว่านี้เราเป็นก็ไม่ได้
มันอาศัยผัสสะจากการปรุงแต่
ที่สุด มันก็จะก่อเกิดเป็นตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ เป็นสมุทัยไปเรื่อย นี่ ใจข้ามันรู้อยู่ ความเป็นข้า มันอารยะขัดขืน ข้าไม่ยอมเอา
แต่กระบวนการ แห่งสังขาร มันเอา ถามว่ามันเอาไหม มันก็ทำไปตามหน้าที่แห่งสัญ
ใครจะมาบอกว่า จิตภายใน ประภัสสร บริสุทธิ์ ถุยยย…มันมีสันดานดิบซุกซ
ข้าน่ะ มีความละอายต่อเพศบรรพชิตสู
แต่ข้าไม่สนหรอก ข้าไม่เพิ่มเชื้อให้มันซะอย
ข้าเดินจงกรมไวๆ เดินไปลูบหน้าไป เพื่อให้หายง่วง ยิ่งจรดจ่อกับสิ่งใดๆ เพื่อให้เป็นสมาธิ มันก็จะยิ่งง่วง ข้าต้องการความฟุ้งซ่าน
ใครบอกความฟุ้งซ่านไม่ดี ข้าไม่เชื่อ เวลานั้น ถ้าเป็นสมาธิ อีนังผี มันเย๊ดข้าแน่ แล้วสมาธิมันก็ไม่เต็มองค์ เพราะนิวรณ์ คือความง่วงมันเข้าแทรกซึม
ยิ่งนิ่ง มันก็ยิ่งเป็นสมาธิ เพราะการทำสมาธิ มันอยู่ฟากเกียจคร้านอยู่แล
ที่สุด ข้าก็เดินไปเอา ไม้ขอน ตีที่หน้าขาแรงๆ ได้ผล..ข้าเจ็บจนเลือดห้อ พอหายง่วงขึ้นมาบ้าง พอการเจ็บทุเลาลง ข้าก็เดินไปที่ฝาย กระโดดน้ำ ลงไปว่ายเล่น น้ำที่พุเตยนี่ เย็นเฉียบ มันเย็นพอๆ กับนำแข็งนั่นแหละ
ข้าว่ายอยู่ในน้ำจนเย็น จึงขึ้นไปยังทางจงกรม เดินจงกรมต่อ ชาวบ้าน พากันมา เขาเห็นว่าข้ากำลังเดินจงกร
ตอนมืด คืนนั้นมืดสนิท ข้าเอาจีวร มาห่มเพราะมันหนาวมาก ข้านั่งพักเอาหลังพิงต้นตะแ
ปรากฏว่า สิ่งที่ย้อยลงมาเตะกะกระบาล
ข้าเอื้อมมือไปกระชากนมมันอ
เจ้าผีนั้น มันเป็นคนแก่เหี่ยวๆ ที่มองเห็นไม่ค่อยชัด ซุ่มอยู่ในความมืด แนบอยู่กับคาคบไม้ ต้นตะแบก จ้องซักพัก มันก็หายไป ข้าเกิดอาการขนลุกขนพอง สยองเกล้า
นี่ถ้า ข้าไม่เคยเผชิญสิ่งเหล่านี้
ข้าเอง เมื่อมันหายไป ก็เริ่มกลัว ใจมันหวั่นไหว และเริ่มหวาดหวั่นกับแรงแห่
ตอนนั้น ข้าคิดถึงพวกชาวบ้าน อยากไปหาและอยู่ใกล้ๆ ชาวบ้าน เพราะความกลัวมันลุกลาม เกิดความหวั่นใจขึ้นมาเรื่อ
แต่พอโดนกระทบถึงทิฏฐิ สติก็เริ่มแตก เพราะความหวาดหวั่นใจ มันแสดงผลอยู่ ยิ่งหวาดหวั่น ขนก็ยิ่งลุกชัน ยางกลัวมันเริ่มแผ่ซ่าน นี่ถ้ามันเกิด หัวเราะ ฮิฮิ ข้าคงสติแตก ได้ห้อแนบ น้ำบานจีวรกระจายแน่
ความกลัวเมื่อมากๆ เข้า ข้านี่ไม่ค่อยเหมือนใคร ใจมันจะแตกเป็นกล้า เรียกว่า ความบ้ามันเข้าแทรก ข้าจึงด่าออกไปไม่ยั้ง พวกแกอยากฟังไหม ว่าข้า ด่าอีคุณนายนี่ยังไง ด่าเพราะว่า กลัวเป็นเหตุ มันจึงเกิดกลายเป็นกล้า
>> ลูกศิษย์ : อยาก
<< พระอาจารย์ : อ๋อไดซิ หากอยากฟัง ใครอย่ามาว่าข้าเชียวน่า ข้าแค่เล่าอาการตอนนั้นให้ฟ
อีสัตว์หน้าผี อีผีห่าบ้ากาม กูไม่ได้อยากเย็ดอะไรมึงเล้
ข้าตะโกนด่า ลั่นเขา นี่..เพราะความกลัวผีเป็นเห
คนเรา หากไม่บ้า มันก็กลัว ของข้าถ้าเริ่มกลัวจัดๆ มันก็จะบ้า แต่ความบ้านั้น ถ้าได้เข้ามาเจือจางได้ทะลั
ข้าจึงนึกขำตัวเอง ความกลัวทั้งหลาย มันก็หายไปหมด เมื่อความกลัวหาย สติและความแข็งแห่งจิตก็กลั
แต่เมื่อแหกกรอบออกมาด้วยคว
ความเหนื่อยล้า และความแรงแห่งกระแสจิต มันทำให้รวมจิตได้ไว พอภายในสว่างจ้า ข้าก็เห็นผีนางที่มาหาข้า ผีมันกลัวข้า ผีมันนุ่งผ้าใส่เสื้อเรียบร
มันเอามือไหว้ตัวสั่นก้มหน้
เขาเห็นแสง ในตัวข้า เขาอยากได้ข้า ไปเป็นเจ้าของ เขารู้ว่า เขาเข้าหาข้าไม่ถึง แต่เขาอยากได้ เขาขอโทษ เขาจะไม่มากวนข้าอีก เขากลัว
ความแรงแห่งจิตที่กระแทกออก
ที่เขาเข้าแทรกจิตข้า เป็นเพราะว่า สันดานข้า มันมีความหยาบทางตัณหาและมั
จิตในภวังค์กับความรู้สึกข้
และเขาก็บอกว่า จิตที่เป็นข้านี้ อดีตก็เคยเป็นคนที่เขารักมา
และอยากได้ข้า มาครองรักกับเธอ ดั่งเช่น ในความทรงจำแต่ก่อนเก่า
ข้าถามว่า ข้าจำเธอไม่ได้ จะให้ข้ารู้ได้ไงว่าเธอไม่โ
เธอบอกว่า นี่เป็นร่างในสัญญา ที่เป็นเธอตอนเจอข้า ข้าจำเธอได้ไหม ข้าส่ายหน้า บอกว่านึกไม่ได้เลย ว่าเคยได้พบกัน
เธอร้องให้ บอกว่า เธอเป็นชาวบ้านธรรมดา และข้านั้น เป็นนายทหาร ที่ผ่านทัพมา ข้าได้มาขอน้ำที่บ้านเธอกิน
หากไม่ติดว่ากำลังเดินทัพ ข้าจะขอพาเธอไปเป็นเมีย เธออายและดีใจ และรอข้ากลับ แต่ข้าก็ไม่เคยกลับมาเลย จนเธอโดนพวกบ้านเหนือมารุกร
จากนั้นมา เธอก็ไม่เคยไปไหนเลย ไม่ได้ไปเกิดที่ไหน ใจมันอยู่ที่ตรงนี้ แล้วอยู่ๆ ข้าก็กลับมา เธอจึงอยากได้ข้า ไปเป็นผัว เธอชอบนายทหารกล้าคนนั้น
ข้าถามว่านานรึยัง เธอบอกว่าไม่นาน หากนับเวลามนุษย์ ก็ประมาณ 6,000 กว่าปี
อ้อ…มิน่า ทำไม เธอจึงไม่เกรงกลัวความเป็นพ
ข้าบอกกับเธอว่า แม่สาวน้อย ไม่ว่า เราจะเคยสัญญาอะไรกัน เคยผูกพันธุ์กันเช่นไร แต่ชาตินี้ ข้าได้สละเรือนเสียแล้ว เพื่อมุ่งสู่โมกธรรม เราคงอยู่ร่วมกันไม่ได้
หากดึงดัน มันจะเป็นบาปให้แก่ใจ ที่เธอทำไป นั้นเพราะความไม่รู้เป็นเหต
และครั้งนี้ แม้จะอยู่ในต่างภพภูมิกัน แต่วิบากกุศลๅที่ได้รอคอย มันก็ชักนำเพื่อมาให้ได้เจอ
ในกาลนั้น ข้าที่เกิดมาเป็นนายทหาร คงแค่พูดพล่อยๆ ตามประสาชายปากหมาหรือปากเส
ข้าขอขมากรรมต่อนาง และบอกว่า เราครองรักกันไม่ได้ นางก้มหน้าร้องไห้ เสียกระซิก มันก้องเข้ามาสู่โสตประสาทแ
นางบอกว่า นี่เป็นรูปหน้า ในสัญญาเก่าๆ ที่ข้าและนาง เคยมีสัญญาต่อกัน และแต่ละครั้ง เราไม่เคยได้อยู่ร่วมกันเลย
ชะตากรรมและวิบากนี้ เกิดจากการที่นาง พรากความรัก ของคนที่เขารักกัน วิบากมันมากีดกัน ทำให้นางไม่เคยสมหวังในรักก
แต่กรรมก็ยังมาให้ผล เพราะข้าเป็นนักบวช เราจึงอยู่กันไม่ได้ ข้าแผ่เมตตาให้กับนาง และขอให้นางตัดใจ แม่น้องนางสะอึกสะอื้นใหญ่ พูดแผ่วๆ ภายใน ว่าใจร้าย ใจร้าย แต่นางก็พยักหน้า
นางบอกว่า ขอนางได้ติดตามข้าไปทุกแห่ง
ข้าขอบใจที่นางหวังดี ต่อแต่นี้ อย่ามามอบให้ข้าอีก เดี๋ยวข้าเผลอ ทำผีท้องขึ้นมาจะยุ่ง เมื่อจิตคลายตัว ข้าก็นั่งนิ่งๆ กับความมืด พิจารณาย้อนไปย้อนมา จึงล้มตัวนอน
คืนนั้น ข้าฝันไป โดยมีแม่น้องนาง นั่งพัดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้ว
ทำไม ข้าแหกปากด่าแม่ใคร เสียงลั่นไปถึงหมู่บ้าน ข้าหัวเราะ บอกว่า ด่าแม่ผี ที่เขามากวนมาแหย่เล่นๆ และขอโทษที ที่เสียงข้านี้ แผ่ออกไปรบกวน นี่..เป็นอีกหนึ่งผี ที่เคยเผชิญ
ตอนนี้ แม่น้องนางก็คงอยู่ดูแลข้าใ
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 23 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง