นรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

นรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรก

2504
0
แบ่งปัน

ขุมนี้ เป็นขุมสุดท้ายแห่งมหานรก ทั้งแปดขุม ชื่อว่า อเวจีมหานรก

ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ ฮู้ ห้องธรรม แต่มารอฟังธรรมน้อยนิด พวกนี้เป็นพวกลูกแง่ จริงๆ ต้องป้อน จึงจะกินเป็น กว่าจะมากิน ก็กลับไปหมดแล้ว

มันมักกระโดดไปกระโดดมา ชิมเสร็จ ก็กระโดดเหย็งๆ ไปนู้นที่ มานี้ แล้วมารอชิมต่อ บางทีก็หายไปเลย เพราะ มีอาหารเป็นของตายนี่ เจ้าพวกนี้

วันนี้ จะโม้เรื่อง นรกขุมที่แปด คือ อเวจี มหานรก อ้าวว..มีประชาชนสนใจน้อย…งั้นงด มาๆๆๆ มาต่อกัน แมลงมันเยอะ

นี่…ข้ากล่าวมาถึง นรกขุมที่แปดแล้ว เมื่อเช้า แชร์ขุมที่ 7 ไปทางหน้าเฟส คนเข้ามาดูมาหนุกหนาน แย่งชิงหาทางไปเที่ยวกัน จนยอดจอง ทะลัก

อันอเวจี มหานรกนี่ ข้าไปเที่ยวบ่อย ไปอยู่ไปกินมาบ่อย นรกขุมนี้ ตามบาลี ท่านกล่าวว่า อยู่ห่างลงไปทางใต้ของ มหา ตาปนะ นรก ประมาณ 15,000 โยชน์

เป็นนรกที่กว้างใหญ่ที่สุด ถือว่า เป็นเมืองหลวง ของเหล่านรกเลยทีเดียว มีเหล่าสัตว์ นรกที่มีจำนวนมหาศาลที่สุด กว้างใหญ่ และร้อนแรงที่สุด

อะไรที่ที่สุด มารวมแฟชั่นอยู่ใน นรกขุมนี้หมด เพื่อนข้า ที่ชื่อ ท่านเทวทัต ท่านก็มีบ้านพักหรู ส่วนตัวอยู่ที่นี่ ท่านเทวทัต อาศัยอยู่ในท่ายืน ยืนนิ่งๆ สบายๆ

แกมี หอกเหล็ก ที่ลุกโชนแดงฉานเป็นเปลวไฟ เสียบทะลุกาย พร้อมกันทั้ง 6 ด้าน นรกขุมนี้ เป็นนรกที่ไร้การเคลื่อนไหว

เขาอยู่กันนิ่งๆ สงบเสงี่ยม เจี๋ยมเจี๊ยม น่ารักกันทุกตัว เหตุที่สงบ ไม่เคลื่อนไหว เพราะ ที่อเวจี มหานรกนี้ มันเป็นนรกของคนมีกระตังค์

แต่ละท่าน มีห้องส่วนตัว เป็นกำแพงเหล็ก ที่ร้อนแดงลุกฉานด้วยเปลวเพลิง กำแพงเหล็กเหล่านี้ จะปิดล้อม ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านล่าง ด้านบน และด้านข้าง คือล้อมไว้ทั้ง 6 ทิศ

และแต่ละทิศ จะมีหอกพุ่งออกมา หลายสิบอัน แทงเหล่าสัตว์นรก ทะลุ จากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน จากซ้ายไปขวา จากหน้าไปหลัง จากหลังไปหน้า มันทะลุ และตรึงคาแน่นนิ่งอยู่เช่นนั้น

ร้องก็ร้องไม่ได้ ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ มันทรมาน กาย ทรมานใจ เพราะมันอึดอัดและโดนตรึง หนาแน่นไปด้วยหอกเหล็ก

ไม่ใช่แค่ โดนตรึงแล้วไม่เจ็บปวดอะไรนะ มันปวดแสนปวด เจ็บแสนเจ็บ แต่มันขยับปากร้องไม่ได้ มันหนาแน่นไปด้วยหอกที่เป็นเหล็กร้อนลุกโชน มันตรึงนิ่งๆ อยู่เช่นนั้น

ท่านคิดดูซิ ว่ามันน่าอัดอัด และน่าทุรนทุรายแค่ไหน ความร้อนในนรกขุมนี้ มันร้อนแรงกว่าทุกขุม แถมเป็นความร้อนที่มีลมกรด กัดกินเนื้อเยื่อ ให้แดงฉานและลุกโชนด้วยเปลวเพลิง จนสุกไปทั้งร่าง

ตัวงี้แดงด้วยอายแห่งความร้อนแรงของเปลวเพลิง ขุมอื่นๆ เหล่าสัตว์นรก ยังได้มีโอกาส พักมั่ง มีโอกาส ดิ้นผ่อนคลายอาการมั่ง มีช่วงกายสลายแล้วก่อร่างใหม่มั่ง

ขุมอเวจี นี้ ไม่มีเลย มันร้อน มันทรมาน เหมือนเนื้อที่แช่อยู่ในเตาเผาอันร้อนแรง สุกจนแดง อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สลาย มันจ่อด้วยทุกข์ ที่ไม่หยุดหย่อนอยู่เช่นนั้น เรียกว่า ทุกข์ ไม่มีความเบาบางและจางคลาย

ปกติ อะไรที่เราโดนจนชิน ใจเราจะปรุงการต้านทานขึ้นมารองรับ แต่ใจในสัตว์ที่อยู่ในขุมนรกนี้ จะไม่ปรุงโปแกรมนี้ มันมีแต่ ทุกข์ทนเจ็บปวดรวดร้าว สาหัสแต่เพียงด้านเดียว เป็นปกติ

ท่านเทวทัต โดนตรึงอยู่ในท่ายืน แขนขางี้ กางหอกตรึงรัดแน่น แนบอยู่กับกำแพงเพลิงเหล็ก อยู่อย่างนั้น อยู่นิ่งกับท่าเดียวท่านั้น วิบากแห่งนรกขุมนี้ ใครทำกรรมด้วยท่าอะไร ก็ต้องมาเสวยกรรมด้วยท่าที่กระทำนั้นๆ

ใครทำกรรมท่ายืน ก็โดนตรึง ด้วยท่ายืน ใครทำกรรมด้วยท่านั่ง ก็โดนตรึงด้วยท่านั่ง หอกมันแทงพุ่งออกมา ตรึงรัดแน่น ทั้ง 6 ทิศ

นี่ ขุมนี้ ใครจะไปเที่ยวมั่ง อายุของสัตว์นรกขุมนี้ ต้องอยู่ทรมาน นานถึง 1 อัตรกัปป์ 1 อัตรกัปป์ ก็เอา เลข 1 ตั้ง แล้วตามด้วยเลข 0 อีก 140 ลูก นี่คือ จำนวนปีแห่ง 1 อัตรกัป

การที่จะมาอาศัย นรกแห่งเมืองผู้มีกระตังค์ ที่นี่ได้ มีอยู่หลายวิธี หากใคร ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ มีสิทธิ์ มาขุมนี้

พระเจ้าอชาตศัตรู มาอยู่ ขุมบริวาร ของมหานรกขุมนี้ แต่เป็นขุมที่เรียกกันว่า ยมโลก ชื่อว่า โลหะกุมภีนรก อะไรนี่แหละ มีอายุ 60,000 ปีนรก

1 วันที่นั้น ก็เหมือนกับว่า จะ 9,000,000 ปี ของเมืองมนุษย์เรา 60,000 ปีก็คูณเข้าไป นี่ โทษฐาน ฆ่าพ่อ

แต่ที่วิบากไม่ลงมาถึงอเวจี ตามอาจารย์ลูกพี่ ก็เพราะ ได้ขอขมากรรมกับพระพุทธองค์ และมีคุณ ต่อมหามวลชนทางพุทธ ศาสนาสูง

แต่ สุด ท่านก็จะพ้น จาก ยมโลก และมาเสวยความเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์ แล้วจึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ วนเวียนบำเพ็ญ เป็นล้านๆ ชาติ

ที่สุด ท่านก็จักบรรลุธรรม เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ชีวิตวิเสก

บรรลุธรรมเป็นพระปัจเจก ระหว่าง พุทธันดร พระศรีอริยเมตไตร กับ พระพุทธสมณะโคดม พระบรมครู ของเรา

คือ เป็นกาล ที่ยังว่างเว้นจาก องค์พระพุทธชินสีห์ บรมครูผู้ชี้ธรรม ส่วน พระเทวทัต ก็ได้กลับมาเสวยผล แห่งวิบากตามครรลองกรรม

ที่สุด ท่านก็ได้เป็นพระปัจเจกเช่นกัน หลังยุค พระศรีอริยเมตไตร ใกล้ๆ กับอัตรกัปป์ สุดท้าย แห่งมหากัปป์นี้ แล้วจะเกิดภัยพิบัติ มิกสัญญี ล้างเผ่าพันธ์ จนโลกลุกเป็นไฟ

เข้าสู่ภาวะ ที่ไร้สิ่งมีชีวิต บนโลกใบนี้ นานกว่า 3 อสงไขยกัปป์ ก็เป็นเวลากว่า 192 อัตรกัปป์ เลยที่เดียว กว่าจะเกิดสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้น มาใหม่ บนโลกใบนี้

เอาละ..คืนนี้ ง่วงสุดๆ มหาอเวจี ก็พอรู้กันเป็นแนวทางกันแค่นี้ คืนนี้ ข้าขอพักแล้ว หวัดดีทุกคน

ข้านี้..ต้องอดทนเทศน์ ทั้งยุงทั้งแมลง แต่คนอดทนฟัง มันมีน้อย ผีบอกว่า เจ้าพวกนี้ บาปกรรมกันชิบหาย อยากฟังธรรม อยากให้พระทำให้ แต่ไม่ค่อยให้เวลามาใส่ใจ ถ้าผีมีรูป ผีบอกว่า เขาจะเฝ้ารอเลย เมื่อถึงเวลา

นี่ …เห็นไหม พอผีได้เกิดมา มันก็มาเป็นแบบพวกเรากันอีกนั่นแหละ เชื่อข้าเหอะ อย่ามาโม้เลย เจ้าผีทั้งหลาย..ตอนไม่มีก็อย่างหนึ่ง ตอนมีก็อย่างหนึ่ง

ขึ้นชื่อว่าคน ความอดทน มีกันน้อย ท่านกล่าวว่า แสนหายาก ในโลกนี้ เมื่อไหร่ ที่มันไม่มี นั่นแหละ มันจึงจะโหยหา นี่..เป็นธรรมดาแห่งใจของเหล่า ปุถุชน ที่มีธรรมชาติกันเช่นนี้

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 19 มีนาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง