อยากดับเวทนา

อยากดับเวทนา

1363
0
แบ่งปัน

อยากดับเวทนาเรื่องนี้เป็นการตอบธรรมกันสดๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สภาวะธรรมนั้น หากเข้าใจ มันก็แสดงผลของมันออกมาได้ โดยไม่ต้องอิงหนังสือตำราให้เสียเวลา นี่..เป็นธรรมแห่งมุโตทัย อาศัยใจแสดงตามหลักเหตุ และปัจจัย รู้กันอย่างง่ายๆ ตามครรลองแนวแห่งธรรม..

>> ลูกศิษย์ : เรียนอาจารย์ที่เคารพกระผมขอความเมตตาช่วยอธิบายการฝึกจิตให้ออกจากเวทนาเป็นอย่างไรครับผมมีความรู้น้อยเพิ่งเริ่มปฎิบัติอยากหาความรู้เพิ่มเติมครับกราบนมัสการครับ.

<< พระอาจารย์ : ผมจะอธิบายให้ฟังพอสังเขปนะครับ คุณลุง ธนกิจ เวทนา เหตุของมันก็คือผัสสะ ตราบใดที่ผัสสะยังมี เวทนาก็ย่อมมี

นี่คือความจริงที่เป็นธรรมชาติ ของการมีรูป หากจะดับเวทนา นี่..เป็นความคิดที่ ผิด เวทนามันเกิดได้ทุกทาง ที่มีเครื่องต่อ

เช่น ทาง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ โดยผ่านทาง ตา หู ลิ้น ฯ ผัสสะเมื่อไหร่ เวทนาเกิดเมื่อนั้น ส่วน การชอบ ไม่ชอบ นี่..มันอีกเรื่องหนึ่ง

อะไรที่ไม่ชอบใจ เช่นความเจ็บปวด เรามักเรียกว่า เวทนา

อะไรที่ชอบใจ สบายกายสบายใจ นี่ก็..เวทนา

อะไรที่ผัสสะแล้วเฉยๆ นี่ก็ เวทนา

คุณลุงธนกิจ พึงรู้อย่างนี้แล้ว จะเห็นว่า เราชักจะคิดผิดรึเปล่า ที่เราจะออกจากเวทนา คนเรา มักจะไม่เข้าใจธรรมและคำสมมุติ ที่โลกเขากล่าวกัน

เรามักจะเข้าใจกันรวมๆ แล้วคิดว่า เวทนา ก็คือ อาการเจ็บปวด เป็นอาการแห่งความไม่ชอบใจ เราจึงเรียก เวทนา นี่..เรามักเข้าใจกันเช่นนี้

ความเข้าใจนี้ เป็นความเข้าใจรวมๆ ที่ผิด เมื่อเหตุผิด ผลก็ย่อมผิดตาม จึงจำเป็นต้องอธิบาย คำว่า เวทนาซะก่อน

จิตเรา จะยกออกไปจากเวทนานั้น ยกออกไม่ได้ ที่ยกออกไม่ได้ เพราะเวทนา มันเป็นอาการของ จิต

เหมือนเราไม่อยากให้พระอาทิตย์ขึ้น เราจะอยากหรือไม่อยาก พระอาทิตย์มันก็ขึ้น เรา..คิดเอาแค่อยากไม่ได้

เวทนา มันเป็นอาการของจิต ที่อาศัย ผัสสะ หากจะยกเวทนาออกจากจิต ก็ต้องไปยกผัสสะ ออกก่อน

เพราะผัสสะ ไม่มี เวทนาก็ไม่มี เมื่อผัสสะมี เวทนาก็ย่อมมี นี่…เป็นกฏธรรมชาติแห่งภูมิ ที่กำเนิดมาเป็นรูปแห่งขันธ์

แต่การที่จะไปยกผัสสะออก มันก็ยกออกไม่ได้ เรียกง่ายๆว่า ดับไม่ได้ จะดีว่า เพราะผัสสะ มันอาศัยกรรม

หากจะดับผัสสะ เราก็ต้องไปดับกรรม คือเหตุของมันนู่นก่อน เพราะกรรม คือการกระทำทั้งหลาย ทางตา หู ลิ้น ฯ ย่อมเป็นเหตุทำให้เกิด ผัสสะ

หากจะดับผัสสะ ก็ต้องไปดับกรรมก่อน แต่กรรม มันก็ดับไม่ได้ เพราะกรรมมันมี ตัณหาเป็นเหตุ เป็นเครื่องปรุงอยู่

หากจะดับกรรม ต้องไปดับตัณหาที่เป็นเหตุของมันก่อน แต่ตัณหาก็ดันดับไม่ได้อีก เพราะมันมี อวิชชา คือความไม่รู้เป็นเครื่องปรุงอยู่ เป็นเหตุอยู่

หากจะดับตัณหา ก็โน่น เราต้องไปดับ อวิชชาโน้นก่อนเลย เมื่ออวิชชาดับ ตัณหาดับ เมื่อตัณหาดับ กรรมแห่งการกระทำทั้งหลายก็ดับ

เมื่อกรรมดับ ผัสสะก็ดับ เมื่อผัสสะดับ เวทนาทั้งหลาย..ก็ดับ แต่เรา..จะดับอวิชชากันอย่างไร

ในเมื่อ อวิชชา มันก็อาศัย เวทนา

เวทนา ก็อาศัย ผัสสะ

ผัสสะ ก็อาศัย กรรม

กรรม ก็อาศัย ตัณหา

ตัณหา ก็อาศัย อวิชชา

และอวิชชา ก็อาศัย เวทนา

อาการแห่งจิต ในเวทนา มันวนกันเป็นวัฏฏะเช่นนี้ แล้วเรา..จะดับเวทนากันตรงไหน ในโลกนี้ ไม่มีศาสนาไหน ออกจากเวทนาได้ นอกจากผู้ทรงคุณ แห่งพุทธศาสนา

การออกจากเวทนา เป็นหลักธรรมที่ง่ายๆ มากๆ สำหรับผู้มีปัญญา แต่ว่า หากอธิบาย ผมคงแย่ เพราะหนักมาทั้งวัน ตาผมจะปิดอยู่แล้ว จิ้มแป้นอักษรแทบไม่ไหว

แต่ก็วางแนวทางเบื้องต้นเอาไว้ให้ ว่ามันมีช่องทางของมันมาแบบนี้ พวกท่านเห็นไหม แล้วเราจะออกจากวัฏฏะแห่งเวทนานี้ได้อย่างไร

ผมมอบให้เป็นการบ้าน ก็แล้วกัน พวกเราจะได้พอ เกิดปัญญาขึ้นมาได้พึ่งพิงมันบ้าง ฟังผมโม้ฝ่ายเดียว เราจะโง่เอานะ…หวัดดี และห่วงใยในชีวิตทุกท่าน ที่เกิดมาร่วมสุขทุกข์ด้วยกัน…สวัสดี

ถาม – ตอบ ปัญหาธรรม ณ วันที่ 3 มีนาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง