ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 9

ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 9

1123
0
แบ่งปัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERAหวัดดี ทุกคน
.
.
.
.
.
ต้องเคาะเรียกหน่อย ตัวเลขน้อยๆ มันไม่มาฟังธรรมกัน เดี๋ยวพอโม้ๆ แล้วมันแทรกตัวขึ้นมาอีก เมื่อวาน โม้ถึงไหนแล้ว

อ้อ..เมื่อวาน โม้ถึงตอน ที่ผีท่านอั๋น จิตยอมลง มองเห็นชัด ว่า แม้เขาจะไม่เอาชีวิต เจ้าแก้วไปอยู่ด้วย เขาก็สามารถ อยู่ร่วมกับเจ้าแก้วได้

ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา ก็จางคลาย กลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อจิตได้รับการปรับ กลับมายอมรับ ฟัง และเห็นด้วย

ข้าก็เลยถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ อั๋นจะเอาชีวิตของเจ้าแก้วอีกไหม เขายิ้ม และส่ายหน้า ฮ่าๆๆๆ แค่นี้แหละ ข้าต้องการแค่นี้

เมื่อไหร่ ที่จิตพลิกไปอีกด้าน นั่นหมายความว่า ภาวะจิตของอั๋น อาศัย ร่างคือเครื่องมือ ของเจ้าแก้ว เปลี่ยนแนวทางการบันทึกใหม่ เป็นไม่ฆ่า ตามเหตุตามผล ตามปัจจัย ที่ปรุงแต่ง ย้อมจิตขึ้นมาใหม่

ผีนั้น…เมื่อบันทึกอะไรไว้ มันก็จะดำเนินทางไปทางนั้น ไม่กลับกลอกเพราะเขาเป็น ภวังค์วิญญาณ

ทีนี้ ข้าจึงบอกให้เขา ทำใจสบายๆ ข้าจะรักษาขาที่เละๆ เพราะโดนรถชน สมัย เป็นมนุษย์ให้

เขาดีใจ ดูตื่นเต้น ขยับเข้ามา เกือบชิดข้า คงลืมไปว่า นี่เป็นร่างผู้หญิง ที่เป็นเจ้าแก้ว เกิดเอานมเจ้าแก้วมาทิ่มหน้าข้า เดี๋ยวข้าก็เป็นเรื่อง กับญาติๆ มันอีก

ข้าบอกให้นั่งระวัง และทำใจกลางๆ สบายๆ ข้าจะทำการผ่าตัด และทำแผลให้ เมื่อเขานั่งหลับตา จิตสงบตั้งมั่นดีแล้ว ข้าก็ทำการรักษา

ข้ากำหนดจิต แผ่เมตตาทุกบุญทุกกุศลที่ได้กระทำมา พุ่งส่งตรงไปยัง ผีท่านอั๋น จนสีจิตเขาสว่าง ได้รับบุญกุศลนั้น

ข้าบอกว่า ข้าทำให้เรียบร้อยแล้ว ดูที่ขาซิ มีร่องรอยเละแทะตรงไหนไหม ยืดขาออกมาดู ผีท่านอั๋น มองดูขาตัวเอง ที่เป็นของเจ้าแก้ว และลองลูบดู

ข้าถามว่า เห็นไหม มีตรงไหนสึกหรอมั่ง ขาเรียบนวลดูสวยแล้วใช่ไหม ลูบๆ ดูก็พอ ไม่ต้องแหกไปถึงโคนขา เดี๋ยวเขาจะหาว่า ข้าจะดูปิ๊แก

ผีท่านอั๋น ยิ้มอย่างมีความสุข ที่ได้ขาคืน ที่จริง ข้าก็แค่บันทึกขาให้เขาใหม่ โดยการชี้ให้ดู ขาเจ้าแก้ว ที่เขาครองร่าง

เมื่อตามองเห็น ประกอบกับจิตได้รับการแผ่กุศล จิตที่อาศัยอายตนะ คือช่องต่อ ทางตา ของร่างเจ้าแก้ว การบันทึกใหม่ก็จะเกิดขึ้น

เรื่องจิตนี้ ข้าชำนาญมาก เพราะเผชิญกับภาวะจริงๆ มาเยอะ และดันไปเข้าใจในภาวะนี้ซะด้วย จึงได้มาเป็นหมอรักษาผีไปหลายรายแล้ว

ข้าถามว่า เป็นไง..พอใจขาใหม่ไหม หายดีแล้วใช่ไหม เขาพยักหน้าอย่าง งง แต่ก็แย้งอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่า

เมื่อครองร่างอันเป็นรูป จิตจะไหลไปตามกระแสกระทบได้ง่าย เมื่อตามองเห็นว่า ขาไม่ได้เละ ผลก็คือ ขาหาย โดยไม่ต้องหาคำมาแย้ง ว่าขามันยังเละ

เมื่อได้รับการยอมรับแล้ว ข้าก็อบรมจิตให้ เพราะเขาถามว่า ถ้ามันกลับมาเป็นอีก เขาจะทำอย่างไร คำถามนี้ พวกเราคง งง กัน

ที่เขาถาม นั่นเพราะว่า หากเมื่อไหร่ ที่เขาไม่ได้ครองร่างเจ้าแก้ว ขาจะกลับไปเละอีกไหม เพราะความทรงจำของภวังค์ ยังมีอยู่

ข้าจึงอธิบายว่า รูปเดิม ที่เรียกสมมุติว่าเป็นอั๋น มันสลายไปแล้ว ที่อั๋นขายังเละอยู่ นี่เป็นความทรงจำ ที่ได้บันทึกไว้ อั๋นจึงเป็นผีขาเละ

ขาอั๋นจะเละ และเจ็บ ตอนที่อั๋นนึกถึงใช่ไหม เขาบอกว่าใช่ อั๋นใช้อะไรนึกเล่า ในเมื่อ อั๋นเอง ไม่มีสมองไว้นึก เขานิ่ง..และตอบว่า ก็ตอนครองร่างเจ้าแก้วนี่ไง ขามันจะเจ็บ

ข้าจึงบอกว่า อาการเจ็บขานั้น เป็นโปรแกรมจิต ท่านอั๋นไม่ได้เจ็บหรอก ที่ท่านอั๋นรู้สึกเจ็บ เพราะอั๋นมีรูปของเจ้าแก้ว มาปรุงแต่งสัญญา

เมื่อไม่มีรูป การปรุงแต่งว่าขาเจ็บ ก็ไม่มี ที่มี ก็เป็นแค่สัญญา แสดงการเจ็บออกมาไม่ได้ เพราะมันไม่มีรูป พอเข้าใจไหม

รูปของอั๋น ขาเละ นั่นเพราะ อั๋นได้มองเห็นขาตัวเอง ก่อนสิ้นลมธาตุไฟชีวิต ดับไปจากการครองรูป กระบวนการแห่งนามขันธ์ มันได้บันทึก ขาที่เละนั้นไว้

แล้วส่วนอื่นๆ ไม่เละบางหรือ เขานิ่ง..และพยายามนึก และร้องออกมาว่า จริงซิ ก่อนที่เขาจะสิ้นลม เขาได้มองเห็นรูปตัวเองทางจิต

เขายังไม่ตาย แต่วิญญาณได้ออกมาจากการครองกายแล้ว เขาเห็นว่า หัวเขาก็เละ หัวมันเละตรงท้ายทอย ข้าจึงถามว่า

แล้วท่านเจ็บหัวบ้างไหม ในเมื่อหัวมันก็เละ อั๋นส่ายหน้า..งงๆ นั่นแหละอั๋น เพราะมันไม่ได้บันทึก อาการแห่งหัวเละ เข้าไปด้วย

ที่ไม่ได้บันทึก เพราะในอั๋น มุ่งไปยังแต่ขาที่เละ ใจอั๋น นั่นถ้า เอามือหรือความรู้สักแห่งขันธ์ตอนนั้น เอื้อมไปลูบดูที่หัว

นอกจากจะเป็นผีขาเละแล้ว อั๋นก็จะเป็นผี หัวเละด้วย อั๋นหัวเราะ พยักหน้า บอกว่า..ใช่ๆๆๆ จริงๆๆๆ เพราะเขาไม่มีอาการเจ็บหรือรู้สึกว่า หัวเขาเละเลย ทั้งๆ ที่ หัวเขาก็เละ

ละที่หัวเละนี่แหละ ทำให้เขาตาย ไม่ใช่ขาเละ เออ..หลวงพี่รู้ได้ไง เรื่องอย่างนี้ ไม่มีทางที่ใครจะมารู้ได้หรอก ผีท่านอั๋นเขาถาม

ข้ายิ้มๆ บอกว่า ข้ามันหมอผี รักษาผีมาเยอะแล้ว นี่..พวกเราเห็นไหม ภาวะจิตนั้น มันจดจำ มันใช้ ตา หู ลิ้น ฯ เป็นช่องทางแห่งการจดจำ

จะมีเราหรือไม่มีเรา มันก็จำของมันเอง ไอ้ที่มีเรา มันแค่ไปเสือกการจำกับเขา ความทรงจำนั้น เลยเป็นเราจำไปด้วย

ทั้งๆ ที่ จะมีเราหรือไม่มีเรา มันก็บันทึก ของมัน อย่างไม่เกิดโทษภัยอะไรใดๆ ทั้งนั้น ที่เกิดนั่นเกิดนี่ เพราะมันมี กู..เข้าไปเสือกเป็นทุกเรื่อง

และกูนี้..จึงสร้างโปรแกรมเป็นเจ้าของวิบาก ที่ทุกข์ทนไปซะเลย อธิบาย พวกเราคงเข้าใจยาก กู..มันหลงสมมุติ ที่ผ่านทาง ตา หู ลิ้นฯ

มันมีกู ไปเป็นเจ้าของ ทุกเรื่อง.. และทุกเรื่อง ที่ต้องทุกข์ มันเกิดจากการ มีกูนี่แหละ เป็นตัวตน ผีท่านอั๋น ยกมือขึ้นมาดู

และรำพึงว่า.. จริงซินะ… เนื้อหนังเหล่านี้ มันแค่รูปสมมุติ ที่เกิดจากธาตุ นี่..ขน นี่..หนัง มันน่าหลงใหลอะไรตรงไหน

มันเติบใหญ่มาจากของหมักเหม็น ที่สุด มันก็เสื่อมสลาย คนเราไปหลงใหลมันได้ไง นี่… ผีเขาพูด ที่เขาพูด เพราะเขาได้เหลียวกลับมามองดู

ความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า ที่เขาครองร่างอยู่ และนี่..ไม่ใช่ร่าง ที่เขาเติบโตและเข้าใจว่า เป็นตัวเอง มาตั้งแต่เล็ก

มันจึงเห็นความจริงได้ชัด ตัวกู จริงๆ มันไม่ใช่เรือนร่างนั้น เขา เอามือลูบหัว และพยักหน้าว่า ใช่ๆๆๆ หัวเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย

นี่..จริงๆ แล้ว เขาเป็นอะไร ความเป็นจริงแล้ว ภาวะที่เป็นคน เป็นผี ที่เขาเรียกนั้น เรียกนี่ จริงๆ แล้ว มันคืออะไร

นี่..ผีเองก็ชักงงๆ ตกลง แท้จริงแล้ว เราคืออะไร ทำไม จึงได้เกิดมา เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็กลับมาเกิดใหม่ ตามเหตุปัจจัย

เป็นคนนั้น คนนี้ เป็นแต่ละที แหม…สำคัญกันเหลือเกินนะพ่อคุณแม่คุณ ดูซิ นี่..แม้แต่ผี เมื่อมองเห็นความจริงเข้าบ้าง เขาเองก็เริ่มงงๆ กับความเป็นตัวของเขาเองเหมือนๆ กัน

ผีท่านอั๋นบอกว่า เห็นขาเละ ดันเจ็บ แต่หัวเละ ไม่รู้สึกอะไร ก็เลยไม่เจ็บ และไม่เละไปตามขาที่เห็น ธรรมชาตินี้ ทำไมลึกซึ้งและตามรู้เห็นยากเช่นนี้

เสียดาย ที่เขาไม่มีร่างซะแล้ว ถ้าเขามีร่าง หากรู้ความจริงเช่นนี้ เขาจะอยู่ประพฤติปฏิบัติ ให้รู้แจ้งเห็นจริงให้จงได้

เขานี้ โง่มาก โง่จริงๆ ที่ไปหลงใหลในเรือนกายอันหาสาระ และความมีค่าใดๆ ไม่ได้เลย มันไม่ได้คงทน และเป็นตัวตนอะไร ที่คิดว่าเป็นเราเลย

ทำไม…ทำไมคนเราจึงหลงกันได้ขนาดนี้ ทำไม ตัวเขาเองขาดผู้ชี้แนะ แม้จะมีผู้ชี้แนะ หากยังมืดมัว ตาบอดไม่เห็นจริง มันก็คงไม่เชื่อใครอีก

นี่..เขาเห็นแล้ว น่าเสียดาย ที่เขาไม่มีร่าง ร่างเจ้าแก้ว เป็นแค่เครื่องรับรู้ชั่วคราว มันไม่มีโปรแกรม แห่งตัวตนเข้าไปบันทึก และถอดถอนได้

เขานี่ โง่จริง ได้มีโอกาส มีร่าง มีเครื่องมือ ที่ถึงพร้อมแล้ว ยังปล่อยให้หลุดลอยไป นี่ถ้าไปมีร่างใหม่ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

และที่สำคัญ มันบันทึกชื่อ และตัวตนใหม่ เขาก็คงสลายไป ความทรงจำอะไร ที่เป็นเขา ไม่มีตัวตนได้เสวยผลเหล่านั้นซะแล้ว

เขาเพิ่งรู้ว่า คนเราที่หลงใหลในความเป็นตัวตน มันมีเพียงแค่ครั้งเดียว จากนี้ไป มันเป็นใคร ก็ไม่รู้ แม้ตอนนี้เขาจะรู้ เรื่องอดีตที่เป็นตัวเขา

แต่อดีตเหล่านั้น ไม่ใช่อั๋นซักชาติ เป็นแค่จิตดวงนี้ เข้าไปครองรูป ที่เป็นร่างนั้นร่างนี้ และพ่อแม่ หรือคนรัก ที่เป็นของร่างนั้นร่างนี้ เขาก็ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์อะไรใดๆ

นี่..มันเป็นแค่อาการแห่งจิต ที่มันหลงด้วยความไม่รู้ชัดๆ นี่..ผีท่านอั๋น เขาเข้าใจธรรมดา แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่มีกายซะแล้ว

การปรุงแห่งจิตมันเลยเห็นความจริงง่าย เพราะไม่มี ตัวตน เข้าไปเป็นเจ้าของ ในอาการ แห่งการกระทบ ทางผัสสะทั้งหลาย

แล้วพวกเราล่ะ ยังไงก็ยังหลง จนถอดถอนตัวไม่ขึ้นกันเหมือนเดิม พรุ่งนี้ ข้าจะเล่าให้ฟัง เมื่อจิตที่เป็นกุศลแล้วของผีท่านอั๋น ทำไม ถึงได้ระลึกชาติได้ มากมาย

และชาติภูมิต่างๆ ทำให้ผี ได้เห็นอะไร ในอดีตที่ไม่ย้อนคืน น่าเสียดาย ที่เขาเป็นผี ไม่ใช่คน หากเป็นคน เขาก็จะเรียกว่า เป็นผู้ได้ บุพเพสันนิวาส และเจโตปริยญาณ

สองตัวนี้ หากเห็นแล้ว มีผู้ชี้ และมีปัญญา ก็จะทำให้สิ้น อาสวะได้ในชาติที่เกิดมา ได้เป็นมนุษย์ ทาง ศาสนาพุทธ เรียกว่า วิชาสาม

แต่เสียดาย วิชาสาม ไม่สามารถเกิดกับผี หรือเทวดาที่ไหนได้ เกิดได้ โดยมีเครื่องมือ ที่เป็นมนุษย์แล้วเท่านั้น พวกเรากำลังเป็นมนุษย์อยู่แล้ว

จะบ้าโง่งี่เง้าไปถึงไหนหน้อ กูละกลุ้มกับพวกเราจริงๆ หวัดดี สำหรับคืนนี้

คนไทยเรา จริงๆ แล้ว เป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือ ถึงอ่าน ก็อ่านไปงั้นๆ ยิ่งเรื่องธรรมะ ยิ่งเป็นเรื่องน่าเบื่อ เราจึงไม่ค่อยจะถึงมรรคผลกัน เราขาด แรงบันดาลใจ ที่จะออกจากทุกข์อย่างจริงจัง ธรรมทุกอย่าง ดีทั้งนั้น ที่ไม่ดี เพราะเราไปยึดธรรม ก็แค่นั้น

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง