**** "ความทุกข์ ไม่เลือกขี้หน้าใคร" ****
หวัดดี...
ฟังพระสวดมนต์ท่ามกลางฝนพรำ
ฝนพรำแบบนี้
ทำให้ข้านึกถึงอะไรบางอย่าง
สมัยหนึ่ง ข้าเคยอยู่ท่ามกลางเม็ดฝนพรำเช่นนี้แหละ ในป่าคนเดียว
อยู่ใต้ต้นไม้ ติดลำธาร
มองไปทางไหนก็มืดมิด ที่สำคัญ มันหนาวจนฟันกระทบกันดังกึ๊กๆๆๆ
ตัวเปียกไปด้วยน้ำฝน ไม่มีส่วนไหนแห้งเลย
นั่งสั่นกึ๊กๆๆๆอยู่โคนไม้อย่างนั้น
ความจริงเวลาเราปฏิบัติจริงๆนี่ มันทุกข์มาก
ฝนพรำทั้งคืนนั่งกันยันเช้า
เหน็บกินแล้วกินอีก เวทนามันหนาแน่นจนไม่เป็นสมาธิ
สิ่งเดียวที่ประคองใจอยู่ได้นั่นก็คือ การเห็นความเป็นจริงที่ว่า
เครียดก็ทุกข์ ไม่เครียดก็ทุกข์
นอนก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์
มันทุกข์จากความหนาวเหน็บ ชื้นและเปล่าเปลี่ยว
วันที่ฝนพรำนี่เป็นคืนวันอันแสนสาหัสสำหรับพระธุดงค์
มันอยู่แช่กับความทุกข์เหล่านั้น จนความหนาวหาย
ความเจ็บปวดรวดร้าวทางกายหาย
ธรรมชาติแห่งจิต มันจะปรุงไปสู่อีกด้าน
ถ้าหากเรากล้าที่จะเผชิญกับมันอย่างไม่ย่อท้อ
นี่เป็นความจริงที่ข้าได้เผชิญ โดยไม่ต้องใช้วิปัสสนาญาณอะไร
ธรรมชาติแห่งจิต มันมีการปรุงแต่งที่แสนพิศดาร
เป็นแต่ว่าเรา..เข้าถึงมันรึเปล่า
พวกเราเป็นเด็กน้อยเรื่องของจิตมาก
ไม่เข้าใจเอาซะเลยเชียวล่ะ
เรามันเป็นเจ้าของ เป็นตัวตนในทุกๆ อย่าง
เป็นแม้เจ้าของธรรมทั้งหลาย ที่ผ่านอายตนะ
ใครแตะต้องไม่ได้...