*** "ว่างเปล่าด้วยปัญญา กับว่างเปล่าด้วยอัตตา แตกต่างกัน" ***
ขอสาธุคุณยามเช้าให้มีแต่ความสุขความเจริญ
ว่าจะอธิบายเรื่องอุเบกขา ที่เราพากันเข้าใจกัน ว่าเป็นการไม่เอาอะไร
แต่มันมีธรรมที่ใกล้เคียงกัน และเห็นชัดในการกระทำกัน ของนักปฏิบัติธรรมในยุคนี้อยู่
เราจึงมาคุยเรื่องเหล่านี้กัน
หลายท่านมาที่นี่ ทั้งพระและโยมศรัทธา
ท่านเหล่านี้ ไม่ทราบว่าไปเรียนรู้มาจากสำนักไหน
ว่าการปฏิบัติคือ เราต้องไม่เอาอะไร ไม่ถืออะไร
เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน รู้สักแต่ว่ารู้
ที่จริงเรื่องเหล่านี้นี่ มันมีเขียนมาในคำภีร์เหมือนกัน
แต่ความหมายของคำเหล่านี้นี่ มันมีกาลและโครงสร้างของปัญญาอยู่
ไม่ใช่ว่าเรา จะเอาตัวเข้าไปเป็น
หลายท่านใช้ชีวิตชิวๆ เพราะคิดว่าตนนั้นไม่เอาอะไรแล้ว
การไม่เอาอะไรแล้ว ตนดูว่ามีความสุข
ที่จริงนี่เป็นการหลอกตัวเอง
มันเป็นธรรมเข้าข้างกิเลสตน
พุทธศาสนานั้น เป็นเรื่องของปัญญา
การเกิดมามีเรือนร่างได้นั้น มันอาศัยเหตุปัจจัยที่เป็นกรรม
เรานี่เป็นวิบากแห่งกรรมที่ได้เคยกระทำไว้
การเกิดกำเนิดมานี่ ไม่ได้เกิดมาแล้ว เพื่ออยู่เฉยๆ...