*****" รู้จักโลกย่อมเห็นความจริงที่ใครสมมุติ "******
<<<< เราจะอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงให้มันอยู่กับความเป็นจริง ในเมื่อโลกนี้มันล้วนแล้วแต่สมมุติ หนูหาทางออกไปสู่ชีวิตแห่งความเป็นจริงไม่เจอเจ้าค่ะ
>>>> ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญจ้า
โลกนั้นเนื่องด้วยสมมุติ..
เราใช้ชีวิตบนโลกอย่างผู้รู้จักสมมุติซิ
ปัญหาของมนุษย์นั้นก็คือ ไม่เข้าใจความเป็นธรรมดาที่มันเป็นธรรมชาติของมันเช่นนั้นเอง
เราสร้างสมมุติขึ้นมา เพื่อให้ใจดวงนี้ มีร่องธารในการล่องเรือไปในกระแส
ไร้สมมุติ ไฉนเลยจะมีกระแสพาเราล่องลอยออกไปสู่ความเป็นจริง
ตรงนี้ เราพอจะมองอะไรออกกันบ้างไหม..!!
การคาดหวังจากสิ่งที่ว่างเปล่า
ปราชญ์บอกว่า มันงมงาย...
เมื่องมงาย..!! เราก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
นี่..ปราชญท่านชี้มาอย่างนี้
ในความเป็นจริงแล้ว ปราชญ์เหนือปราชญ์ท่านเข้าใจลึกกว่านั้น
พุทธศาสนานี่..ท่านชี้ให้เข้าใจว่า มันเป็นของมันเช่นนี้
ไม่ได้ชี้ให้เลิก เพราะเห็นว่า มันเป็นสิ่งงมงาย หรือเพราะอย่างนั้นเพราะอย่างนี้
เพราะการชี้ให้เห็นว่า สิ่งนั้น สิ่งนี้งมงาย
และเราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน
เช่นนี้ก็เป็นความงมงายในอัตตาตัวตนที่เป็นทิฏฐิอีกทางหนึ่ง
มันแค่โต่งไปสู่อีกฟากของไม้กระดานโง่ๆ และงมงายในแผ่นเดียวกัน..
เราเดินในหนทางวิถีแห่งปราชญ์ซิ..
เราศึกษาธรรมด้วยความมีปัญญาและศรัทธาที่มันเสมอๆกัน
ปัญญามากไป มันก็ขี้สงสัยเข้าใจอะไรไม่ค่อยได้ มันก็โง่พอๆกับความงมงายนั่นแหละ
ศรัทธามากไป...