****** "หลุดพ้นได้ด้วยปัญญา" ******
เปิดมาเจอเรื่องความว่างของนักบวชไทยเรา ทำให้ย้อนคิดไปที่อินเดีย
ที่อินเดีย มีพวกอยู่ด้วยความว่างๆ โดยไม่คิดทำอะไรเลยนี่เยอะแยะ
มันเป็นลัทธิที่มากมายและหลากหลาย
นักพรตนุ่งผ้าสีแดง นั่งขัดสมาธิเพชร เอาสีเขียนหน้า ตัวดำปิ๊ดปี๋
เขาอยู่กับความว่างเปล่าในสรรพสิ่ง
เขานั่งนิ่งๆ รอเหยื่อแบบแมงมุม
เขาแสดงตัวตนแบบไม่เอาอะไร
ท่าทางเคร่งครัด แน่วแน่
นี่ถ้าอยู่เมืองไทยโกนหัวซักหน่อย
คนพวกนี้เป็นพิมพ์นิยมที่ผู้คนใฝ่หาและเป็นเชื้อแหล่งศรัทธา
หลักคิดของพวกนี้ก็คือ ว่างจากอัตตา ว่างจากการพลีกรรม ว่างจากความคิด ว่างจากการกระทำ
เพราะเขาเข้าใจด้วยความเป็นจริงที่เขาสืบๆกันมาว่า
ธรรมชาติมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง เขาไม่จำเป็นต้องไปทำอะไร
ด้วยความคิดเช่นนี้ สุดท้าย เขาจะมีความเป็นนิรันดร คือ นิพพาน
นี่..ทางโน้นยังมีนักพรตประเภทนี้อยู่เพียบ
ทางไทยเอง เอาหลักการนี้มาใช้ด้วยในบางสำนัก
นี่แหละ..ธรรมแห่งพวกเดียรถีย์ชัดๆ
เพราะที่ทำนั้น มันเป็นอัตตาและบริโภคความไม่เคยว่างอะไรเลยซักนิด
มันเป็นแค่นิยามหรูๆหลอกเด็ก
เมื่อถึงที่สุด มันก็เอาทุกอย่างที่มันขาดและต้องการในอีกฟากหนึ่ง
เมื่อเราถอยมาดูพฤติกรรมพวกเหล่านี้ด้วยปัญญา เราจะเห็นชัด
แต่ถ้าเอาตัวเข้าไปเป็นเข้าไปศรัทธา
ความงมงายในนิยามแห่งตรรกะจะบดบังความเป็นจริงที่เราจะพึงเห็น
นี่แหละ...ลัทธิแห่งความว่างที่คนไทยเรา...