**** "พึงไว้ใจปีกที่จะบินอย่าไว้ใจคอนที่จะเกาะ" ***
เราได้พูดคุยกัน ช่วงหนึ่งน้องมันก็ถามว่า
" ความจริงที่หนูรู้คือความจริงที่ฟังมาจากพระอาจารย์
ซึ่งหนูเห็นจริงตามที่พระอาจารย์กล่าว
มันเป็นแค่ความรู้
ซึ่งเวลาเผชิญกับแบบทดสอบจริงๆในชีวิตแล้ว มันเอามาใช้ไม่ได้ทันที
เพราะมันจะทำตามใจอยู่ก่อนเสมอ มันชักดาบและฟันเลย
พอมีโอกาสมาเปิดฟังธรรมพระอาจารย์
ถึงได้ย้อนระลึกได้ตามความเป็นจริง
จะทำอย่างไรบ้างที่จะเห็นทุกอย่างตรงกับความเป็นจริง
โดยไม่มีอัตตาตัวเองเป็นตัวกำกับและชี้ค่ะ "
#พระอาจารย์....
มันก็เหมือนเราดูหนังน่ะลี่
ดูจบก่อนมันถึงจะรู้เรื่อง
ระหว่างดู มันยังหาคำตอบไม่เจอหรอก
ชีวิตก็เหมือนกัน
สิ่งที่ผ่านมาคือประสบการณ์
ในการเหลาดินสอชีวิตของเรา
ให้เราออกแบบความคิดชีวิตเราได้ด้วยปลายดินสอที่เหลา
และเรา ก็ต้องอยู่กับความเป็นจริงเช่นนั้นที่เราออกแบบตลอดชีวิต ด้วยความเข้าใจมัน
เราเป็นผู้เขียนแผ่นฟิล์มชีวิต ให้โลดเล่นไปตามครรลองของความคิด
หนังแห่งชีวิต มันอาจลบเลือนไปบ้าง
แต่ความทรงจำในแผ่นฟิล์ม มันก็ยังคงอยู่
ความทรงจำนั่นแหละ ความจริงมันเป็นเพียงแค่อากาศ ที่เราออกแบบละเลงทิ้งไว้
เราหยิบเอาอากาศที่ว่างเปล่าเคว้งคว้าง ไม่มีตัวตน
เราเอาสิ่งที่ไม่มีมาเป็นฟืนไฟ เผาใจตน
เอาอากาศแห่งอนาคตที่ไม่มี มาเป็นตมละเลงไฟ เผาใจเอง
สองสิ่งนี้มันเป็นกระแสแห่งความรู้สึก มันยังไม่มี หรือมีไปแล้ว
เรานำเอาสิ่งที่ไม่มีหรือมีไปแล้วที่เป็นอากาศ
หลงยึดมาเป็นไฟ เผาผลาญใจตนเอง
และเอาไฟนั้นมาเป็นเพลิงตัวตน
เผาลนกระดาษบริสุทธิ์เบื้องหน้า ให้มันใหม้เกรียม
มันเป็นแผ่นกระดาษชีวิตที่เราออกแบบและขีดเขียน
เรากล้าที่จะฉีกกระดาษที่ขีดเขียนด้วยตัวเรากับน้ำมือเราเองไหม
กระดาษแผ่นใหม่...