***** "อาการปิติในสมาธิ" *****
เมื่อวานข้าได้อธิบายแนวทางในการวางจิต เพื่อให้การทำสมาธิเกิดมรรคผลขึ้นมา
หากเรารู้เห็นตรงตามความเป็นจริงด้วยปัญญาว่า
ธรรมชาติของใจคนเรา มันก็ปรุงแต่งไปตามธรรมดาของมันเช่นนี้แหละ
เราห้ามมันไม่ได้หรอก มันไม่ใช่เรา มันทำหน้าที่ของมันไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น
เป็นแต่เรานี่แหละ มันอยากจะให้ได้ดั่งใจ
เมื่อไม่ได้ดั่งใจ และขาดผู้ชี้แนะที่ถูกต้อง ความอึดอัดขัดใจที่ไม่ได้ดั่งใจเรา มันก็เลยเกิด
นั่งไม่ได้บ้าง ฟุ้งซ่านบ้าง คิดมากบ้าง ไม่สงบบ้าง
นี่..เราไม่เข้าใจธรรมดาที่เป็นธรรมชาติของใจ เรามันหลงไปเป็นเจ้าของอาการของมันซะเอง
สมัยก่อนในสมัยโบราณ เขาฝึกสมาธิในด้านไม่ทำความรู้สึกกับอะไร
เราเรียกกันว่า อรูปฌาน
พระพุทธองค์ ทรงมาพิจารณาแล้วว่า การนั่งสมาธิโดยไม่ทำความรู้สึกกับอะไรนี่ มันเหมือนเรือที่ขาดหางเสือ
การมีสติ สัมปชัญญะที่หล่อเลี้ยงการทำสมาธิ และรู้เห็นตรงตามความเป็นจริงนี่ มันจึงจะเกิดปัญญา
นี่..แนวทางแห่งพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเพียงศาสนาเดียวที่กระทำสมาธิมาในแนวทางเช่นนี้
ทีนี้การทำสมาธินี่...