**** "ชีวิตเดินให้ถูกทาง" ****
หวัดดียามเช้า
พระอาทิตย์สาดแสงสะท้อนสว่างทั่วไปทั้งฟ้า
มันเป็นแสงแห่งวันใหม่ ที่สาดทอแสงขึ้นมา
มันเป็นเช่นนั้นทุกวัน
บางวัน.. อาจโดนเมฆหมอกบดบัง
แสงสว่างกระจ่างฟ้ากลืนหายไป
ความครึ้มสลัว สาดกระจายเข้ามาแทน
แต่ที่สุด..
ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใส สกาวตาเหมือนเคย
เรามองความสว่างแห่งท้องฟ้านั่น
เราไม่ได้มองที่พระอาทิตย์มันสว่าง
เรานำผลแห่งความสว่างนั่น
นำมาใช้กับการดำเนินชีวิต
ในวันที่ฟ้าใส
เรามองเห็นอะไรๆได้ชัดเจน
จิตใจของคนเราก็เหมือนกัน
เราพึงมีชีวิต อย่างผู้มองฟ้าที่มันแจ่มใส
เราไม่ได้มองไปยังพระอาทิตย์ที่ทำให้ฟ้าแจ่มใส
พระอาทิตย์ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
พระอาทิตย์ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแห่งความสว่างไสวแจ่มใสนั่น
ความสว่างไสว มันเป็นอิสระให้แก่ใครๆได้ใช้
ความสว่างไสว ไม่ได้ครอบงำ ให้ใครต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ด้วยแสงสว่างที่สาดออกมา
ชีวิตก็เหมือนกัน..
เราพึงอยู่อย่างผู้มีปัญญาเถิด
เราอาศัยความสว่างไสวของปัญญาแห่งครูบาอาจารย์ ที่ทอแสงดุจพระอาทิตย์ได้
เป็นที่เราเอง อาจอยู่ใต้ชายคาที่มืดทึบ
ในถ้ำที่แสงสาดส่องได้น้อย
ในเหลือบหลบ ที่สลัวแสง
เราจะไปน้อยใจในแสงสว่างไม่ได้
ที่ทำไมแสงสว่างถึงไม่สาดส่องมายังตัวเราให้มันแจ่มแจ้ง มองเห็นความจริงรอบข้างให้มันง่ายๆ
พวกเราหลายคนนี่ ไม่ได้โง่
เราควรโยนิโส พิจารณาให้ตรงตามความเป็นจริงก่อนที่จะคาดหวังในความคิด
เราไม่ควรเชื่อตรรกะของคนที่ไม่มีความแตกต่างไปกับเรา
เราดูตรรกะแห่งใครเขาที่ไม่แตกต่างไปจากเรา ด้วยคิดว่าเขามีความสว่างไสว
แสงหิ่งห้อย มันก็สว่างในถ้ำที่แสนมืดมิด
แต่เรามองไม่เห็นความเป็นจริงแห่งถ้ำ ที่มันปรากฏตามสายตาเป็นจริงได้นักหรอก
คนเรานั้นมักเชื่อในสิ่งที่ตนนั้นถูกใจ และมืดมนไขว่คว้าไม่ได้
และจะพากันไหลกันไป เพราะความถูกใจกันเป็นเหตุ
เรามักจะเชื่อคนที่อ้างผู้วิเศษสถิตย์อยู่บนฟ้า
เชื่อพรหม...