*** “โกหกที่เป็นบาป” ***
>> ลูกศิษย์ : สาธุๆๆ...เป็นธรรมะที่งดงามและไม่ต้องปรุงครับ ฟังแล้วเข้าใจได้เลย...ทำให้นึกถึงพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่เกิดเป็นพระเวชสันดร...ท่านเป็นฤษีถือศีล..แต่ท่านก็กล่าวโกหกต่อนางมัทรีเรื่องที่ให้ทานลูกแก่ชูชก...
เพราะถ้าบอกความจริงเลยตอนนั้นจะทำให้นางเสียใจมากถึงทำให้เสียชีวิต...จึงได้กล่าวทูลเท็จไปและจากนั้นก็แกล้งต่อว่านางหายไปกับชู้มาถึง 7 วัน...ทำให้นางเปลี่ยนความคิดเรื่องลูกมาคิดเรื่องผัวแทน..เลยทำให้ไม่เสียใจมากแค่สลบ...
บางทีการที่ไม่พูดความจริงก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน มันอยู่ที่เจตนาดังเช่นพระคุณเจ้าได้เทศน์โปรดไปแล้วครับ....เรื่องนี้หลายๆ คนไม่เข้าใจรวมทั้งตัวผมด้วยในช่วงที่ผ่านมา..ก็ได้ฟังครูบาอาจาร์ยท่านได้เทศน์ไว้...ก็เลยเข้าใจซึ่งตรงกันกับคำเทศน์ของพระคุณเจ้าครับ...
เจตนาที่เขียนไม่ใช่การรับรองนะครับหรือก้าวล่วงคำสอนของพระคุณเจ้า.....เพราะผมมิบังอาจแค่ต้องการแสดงความคิดเห็นจากสัญญาที่มีมา..ให้เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ไปวิเคราะห์เอาเองครับ...
เพราะผมเองก็ติดกับคำถามที่มันเกิดขึ้นในใจเหมือนกันในข้อห้ามของศีล5 เพราะมันค่อนข้างจะปฏิบัติตามยากมากถ้าเรายังทำมาหากินประกอบอาชีพ อยู่ในสังคมในปัจจุบัน
ผมใคร่ขอเรียนถามพระคุณเจ้าเพิ่มเติมในศีลข้อ 5 การดื่มสุรา เครื่องดองของเมา..ครับ..ผมเคยอ่านเจอว่าที่มาของศีลข้อนี้ เนื่องจากแต่ก่อนพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ มีคนนำเอาเหล้ามาถวายพระสงฆ์แล้ว พระนั้นก็ได้ดื่มเหล้าจนเมามายและขาดสติ...
จากนั้นพระพุทธองค์จึงได้บัญญัติเป็นข้อห้ามขึ้นมา...มันจึงเป็นการเชื่อมโยงจากที่มาของศีลและคำสอนของพระบางรูปได้กล่าวไว้ว่า..
การดื่มเหล้าหรือเครื่องมึนเมาสามารถดื่มได้ด้วยการสำรวม(ไม่ขาดสติ)โดยที่ศีลไม่ขาด (จากคำของพระ มีคำว่าศีลขาด ศีลด่างพร้อย ต่างกันยังไงครับ)
ซึ่งจากความเข้าใจของผมน่าจะถูกต้องเพราะโทษของการดื่มของเมาคือขาดสติ.แต่ถ้าไม่ขาดสติก็ไม่น่าจะมีผลเหมือนการดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มเท่านั้น..ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องไม่ครับ....
ช่วงนี้ขออนุญาตรบกวนพระคุณเจ้าทุกวันนะครับ...เพราะโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกี่ล้านๆ...