*** "คุณแห่งการอุ้มบาตร" ***
ขอสาธุคุณโมทนาให้มีแต่ความสุขความเจริญ
การได้สาธุคุณโมทนา แม้จะเป็นการสาธุโมทนาผ่านตัวอักษร
นี่ก็ถือว่า เป็นผู้ที่มีใจเป็นบุญเป็นกุศล
เรียกว่า เป็นผู้ที่มีใจเป็นพรหมวิหาร
คือมีใจเป็นมุทิตาจิตต่อสิ่งที่ได้ผัสสะพบเห็น
บางคนเป็นนักธรรม นักปฏิบัติ
แต่ไม่ค่อยอบรมใจตนให้เป็นพรหมวิหาร
อยากให้คนอื่นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
แต่ตนเองตำหนิพระตำหนิคน ตำหนิในสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย
นี่..พวกนี้ไม่มีพรหมวิหาร
พวกไม่มีพรหมวิหาร ใจมีแต่ขาดทุน
ไม่มีที่ว่างพอให้ความเมตตา กรุณาและอุเบกขามาเติมเต็ม
บางคน เขาเดินทางมาไกลมากๆ เพื่อมาขอใส่บาตรในยามเช้ากับข้าซักครั้ง
เขารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
การได้ใส่บาตรซักครั้ง เขาบอกว่าปลื้มปิติใจขนลุกขนพอง
ข้าเองก็แสนยินดี
การบิณฑบาตนี่ ข้าเองก็เดินไปไกลๆไม่ค่อยได้
มันปวดแถวๆเอว กายมันแก่มากแล้ว ไม่เหมือนเมื่อห้าหกปีก่อน
เดี๋ยวนี้ ไปซักกิโลสองกิโล ตัวก็แข็งหมดแหละ
การบิณฑบาตนี่ ข้าเองอุ้มบาตรน่ะ ไม่ได้ใส่ถลกบาตรที่เขาสะพายๆกัน
การอุ้มบาตร มันก็เป็นการสันโดษ เป็นธุดงค์อย่างหนึ่ง
คือรับอาหารแค่บาตรเดียว และอุ้มไป
ไม่ต้องมีมือถือหิ้วถุงอะไรมากมายให้คนเขาด่าว่ามักมากเป็นลาขนอาหาร
พระเรานั้น ถ้าเอาถลกบาตรมาใส่...