**** "เอาอะไรกับความคาดหวัง" ****
สองเช้าที่ผ่านมานี้ ว่าจะเล่าเรื่อง ที่ได้ไปเยือนเบตง
พอตื่นมานั่งสมาธิ ใจมันก็ดันไปวินิจฉัยธรรมอะไรลึกๆโน่น
ออกจากสมาธิ มันก็ยังคงค้างอยู่กับธรรมปิตินั้น พาลทำใหัใจข้านี่นิ่งเฉย
สมาธิและธรรมปิตินี่มันทำให้เกิดความขี้เกียจ มันเฉยและอยากอยู่ในอาการสงบๆ
เหมือนมันเหนื่อยกับอาการวิ่งมาแสนไกล เมื่อได้เส้นชัย มันก็อยากมองดูโลกทั้งหลายตามเส้นทางผ่านที่เขาเป็นๆ
เหมือนนักวาดรูป ข้านี่เป็นนักเขียนภาพ perspective
ภาพออกมาสวยงามถูกใจผู้คนและลูกค้า
ถึงจุดหนึ่งบางที มันก็หยุดไปเสียดื้อๆ ใจมันไม่เอา
มันนั่งเหม่อมองภาพ เอาจินตนาการชื่นชมภาพ ทั้งๆที่เวลามันต้องเร่งส่งงานลูกค้า
มันเหมือนช๊อตและนั่งนิ่งเฉย นั่งชมภาพตนเองไปเสียนี่
จะเอื้อมจะแต้มได้แต่ละจุด ดันยังไงก็ไม่ไป มันเฉื่อยชากับสิ่งที่ทำ ทั้งๆที่ใจมันก็ไม่ได้ขี้เกียจ
เวลาแห่งเส้นชัย มันก็เร่งรอคอยอยู่ แต่ใจมันดันตัวเองออกไปไม่ได้
สองเช้านี้ก็เช่นกัน มันอยากนิ่งเฉยๆ...