****** "สงสัยในอาการต่างๆของผู้ปฏิบัติ" *******
>>> มีคนเขาถามมาว่าหากบรรลุธรรมแล้ว
เราก็ไม่ต้องมีทุกข์อะไรแล้วใช่ไหม ไม่ต้องทุกข์ทนกับผัสสะอะไรที่จะมาเกิดอะไรกับใจและกายเรานี้
<<< ข้าจึงได้อธิบายไปพอสังเขปว่า...
ไม่ว่าจะสิ้นสงสัย หรือบรรลุธรรมสูงสุดแค่ไหน
อาการทั้งหลายที่เคยเป็นตั้งแต่เล็กจนโตมาถึงบรรลุธรรม มันก็ยังคงมีเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง
เป็นแต่เพียงใจมันประจักษ์แจ้งแล้วเท่านั้นว่ามันเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้น
ความต้านทาน และการเลือกช่องว่างที่เรียกว่า กาลเทศะ ย่อมมีที่ว่างให้ใจดวงนี้ได้ยืนอย่างไม่อึดอัดใจนัก
ตราบใดที่สังขารยังทรงตัว ธรรมชาติแห่งจิตที่ผัสสะ ย่อมเจริญไปตามหน้าที่มัน ตามโปรแกรมปรุงแต่งที่มันมีสัญญาแสดง
เห็นต้นไม้นั่นไหม มันคือ ต้นไม้ที่ทุกคนเห็น
เมื่อสอดส่องตรึกลงไปตามความเป็นจริงโดยปัญญา มันจะมองไม่เห็นความเป็นต้นไม้ มันไม่ใช่ต้นไม้ และไม่มีต้นไม้ตามที่ทุกคนเห็น
ถึงที่สุดแห่งการตรึกตรองตรงตามความเป็นจริง
ต้นไม้ที่ตรึกตรองและไม่มีต้นไม้ที่ทุกคนเห็น มันก็คือ ต้นไม้ และไม่มีต้นไม้อย่างที่ทุกคนเห็น
นี่..ความจริงแห่งปัญญามันจะเห็นชัดเช่นนี้
และเราก็อยู่อย่างผู้ที่มีและเห็นต้นไม้อย่างชนทั้งโลก ที่ไม่ได้คัดค้านอะไร ว่าต้นไม้มีหรือไม่มีอย่างที่คนทั้งโลกเขาสงสัยกัน...